👽ภาษาที่ยังไม่มีใครอ่านออก!
จารึก ‘อักษรโรโงโรโง’ แห่งเกาะอีสเตอร์ หรือนี่จะเป็นบันทึกจุดจบของโลกกันแน่
‘เกาะอีสเตอร์’ (Easter Island) คือเกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวกลางมหาสมุทรแปซิฟิก ห่างจากแผ่นดินใหญ่ไปทางทิศตะวันตกราว 3,600 กิโลเมตร เป็นเกาะที่อยู่ภายใต้การปกครองของประเทศชิลี สิ่งที่ทำให้เกาะอีสเตอร์เป็นที่รู้จักก็คือ
‘รูปปั้นโมอาย’(Moai)(รูปปั้นหินปริศนาแห่งเกาะอีสเตอร์ มรดกโลกสุดล้ำค่าที่ยังรอการพิสูจน์ว่าสร้างเพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่)
‘รูปปั้นโมอาย’(Moai)(รูปปั้นหินปริศนาแห่งเกาะอีสเตอร์ มรดกโลกสุดล้ำค่าที่ยังรอการพิสูจน์ว่าสร้างเพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่)
🗿รูปปั้นหินขนาดยักษ์ที่แกะสลักเป็นรูปหน้าคน แต่น้อยคนนักจะรู้ว่า เกาะแห่งนี้ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย นั่นก็คือ ‘อักขระโบราณ’ ที่ไม่มีใครสามารถอ่านออก ว่ากันว่า อักขระนี้เป็นบันทึกที่บอกเล่าเรื่องราวเมื่อครั้งที่โลกประสบภัยพิบัติจากพายุพลาสมาของดวงอาทิตย์! จะเป็นจริงหรือไม่อย่างไรนั้น มาหาคำตอบพร้อมๆ กันได้เลย
ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1864 มิชชันนารีชาวฝรั่งเศสนามว่า ‘Eugène Eyraud’ ได้เดินทางไปเผยแพร่ศาสนาบนเกาะอีสเตอร์ และได้ค้นพบ ‘อักษรโรโงโรโง’ (Rongorongo) อักขระโบราณที่จารึกเป็นอักษรภาพลงบนแผ่นไม้จำนวน 29 แผ่น มีจำนวนตัวอักษรกว่า 14,000 ตัวอักษร โดยลักษณะของอักษรภาพเหล่านี้ส่วนมากจะเป็นสัญลักษณ์และท่าทางของสัตว์ชนิดต่างๆ เช่น นก ปลา เต่า นอกจากนั้นยังมีสัญลักษณ์ของเทพเจ้า ต้นไม้ และรูปทรงเรขาคณิต คาดการณ์กันว่า อุปกรณ์ที่ใช้จารึกอักษรภาพน่าจะเป็นฟันฉลาม เศษหิน หรือกระดูกนกแก้ว แต่ในขณะนั้นยังไม่มีใครสามารถแปลความหมายของแผ่นจารึกนี้ได้ ต้องปล่อยแผ่นจารึกนั้นไว้เป็นปริศนาเรื่อยมา
จนกระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 2010
‘Robert M. Schoch’ นักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติจากวิทยาลัยการศึกษาทั่วไป (College of General Studies) แห่งมหาวิทยาลัยบอสตัน (Boston University) สหรัฐอเมริกา ได้เดินทางไปที่เกาะอีสเตอร์เพื่อศึกษาและทำงานวิจัยเกี่ยวกับ ‘อักษรโรโงโรโง’
‘Robert M. Schoch’ นักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติจากวิทยาลัยการศึกษาทั่วไป (College of General Studies) แห่งมหาวิทยาลัยบอสตัน (Boston University) สหรัฐอเมริกา ได้เดินทางไปที่เกาะอีสเตอร์เพื่อศึกษาและทำงานวิจัยเกี่ยวกับ ‘อักษรโรโงโรโง’
พบว่า อักษรภาพเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับภาพสลักดึกดำบรรพ์
ที่ปรากฏอยู่บนผนังถ้ำต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลก และยังดูคล้ายกับลายเส้นขนาดยักษ์ที่อยู่บนที่ราบสูงนาซกา ประเทศเปรู อีกด้วย
(‘ลายเส้นนัซกา’ ปริศนาบนพื้นพิภพที่ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า เป็นฝีมือมนุษย์บนโลกหรือ ‘นอกโลก’
กันแน่?)
นอกจากนั้นเมื่อแปลความหมายของสัญลักษณ์บางส่วนออกมา เรื่องราวก็ดันไปสอดคล้องกับงานวิจัยของ ‘Anthony L. Peratt’ นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน ที่บอกเอาไว้ว่า ในช่วง 8,000-10,000 ที่แล้ว ดวงอาทิตย์ได้ปลดปล่อยพลังงานพลาสมาจำนวนมหาศาลออกมา จนเกือบทำให้โลกต้องสูญสิ้น!
‘Robert M. Schoch’ จึงสันนิษฐานว่า ‘อักษรโรโงโรโง’ คือบันทึกที่ว่าด้วยเรื่องราวเมื่อครั้งที่โลกต้องประสบภัยพิบัติจากพายุพลาสมาความร้อนสูงที่ดวงอาทิตย์ปล่อยออกมา ทำให้มนุษย์ในยุคนั้นต้องหนีตายเข้าไปหลบอยู่ในถ้ำหรือใต้หน้าผาที่มีหินกำบัง หลังจากนั้นโลกก็เข้าสู่ยุคมืด ทุกอย่างถูกเผาทำลาย จนอารยธรรมโบราณต่างๆ พังพินาศ ความร้อนมหาศาลยังทำให้น้ำแข็งละลายจนยุคน้ำแข็งต้องสิ้นสุด!
อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้น .....
Custom Search
เพราะจวบจนปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถถอดความหมายของ ‘อักษรโรโงโรโง’ ได้ ว่าแท้ที่จริงแล้วมนุษย์ในยุคนั้นต้องการบอกอะไรกันแน่!..