Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560

Gornaya Shoriaกำแพงหินยักษ์โบราณลึกลับแห่งไซบีเรีย


ฝีมือใคร? ฝีมือใคร? ‘Gornaya Shoria’ กำแพงหินยักษ์โบราณแห่งไซบีเรีย หรือนี่จะเป็นอีกหนึ่งผลงานการสร้างของ ‘มนุษย์ต่างดาว’อีกหนึ่งเรื่องราวปริศนาของกำแพงหินขนาดใหญ่สุดลึกลับ ที่เชื่อกันว่าเป็นผลงานการสร้างของมนุษย์ในยุคโบราณ แต่ก็มีคนอีกจำนวนมากที่ไม่ได้เชื่อเช่นนั้น เพราะด้วยความใหญ่โตมโหฬารของกำแพงหินดังกล่าว คงไม่น่าจะใช่ผลงานการสร้างของมนุษย์ แต่น่าจะเป็นฝีมือของผู้ที่มาจาก ‘นอกโลก’ เสียมากกว่า!

‘Gornaya Shoria’ คือชื่อของกำแพงหินสุดลึกลับที่ว่า ตั้งอยู่บริเวณหุบเขา Shoria (Mount Shoria) ทางตอนใต้ของไซบีเรีย ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 2013 โดย Georgy Sidorov นักสำรวจชาวรัสเซีย กำแพงหินดังกล่าวประกอบไปด้วยหินซึ่งมีน้ำหนักหลายพันตัน ซ้อนทับกันอย่างประณีตราวกับจับวาง ซึ่งหินบางก้อนมีน้ำหนักมากถึง 4,000 ตันเลยทีเดียว และที่น่าประหลาดใจมากกว่านั้นคือ หินเหล่านี้ทับซ้อนกันสูงกว่า 40 เมตร โดยนักโบราณคดีสันนิษฐานว่ากำแพงหินดังกล่าวถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว และไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพราะในบริเวณนั้นไม่มีร่องรอยของการเกิดกระบวนการทางธรณีวิทยาในลักษณะที่ใกล้เคียงกับกำแพงหินนี้ที่ว่านี้มาก่อนเลย และหินเหล่านี้มีพื้นผิวที่เรียบเนียน มีเหลี่ยมมุมที่ลงตัวจนน่าสงสัย ซึ่งรูปทรงดังกล่าวคล้ายกับวิธีการก่ออิฐของมนุษย์ในยุคโบราณ หากแต่นักโบราณคดีมิอาจทราบได้ว่า ใครกันคือผู้สร้างกำแพงหินเหล่านี้ สร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ใดและใช้วิธีการใดในการเคลื่อนย้ายหินที่มีน้ำหนักมากมายมหาศาล ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้คนในยุคสมัยนั้นจะมีเครื่องทุ่นแรงใดๆ มาช่วยในการเคลื่อนย้ายหินขนาดมหึมาเหล่านี้ได้

นอกจากความมหัศจรรย์ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว นักธรณีวิทยาที่เดินทางไปสำรวจกำแพงหินลึกลับแห่งนี้พบว่า เมื่อใดก็ตามที่เข้าใกล้กำแพงหิน เข็มทิศที่พวกเขานำติดตัวไปด้วยเกิดทำงานผิดปกติ กล่าวคือเข็มทิศจะไม่สามารถชี้ไปยังทิศที่ตั้งของกำแพงหินได้ แต่มันดันหันเหออกไปยังทิศอื่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ หรือนี่จะเป็นอีกหนึ่งผลงานการสร้างของผู้มีอารยธรรมและภูมิปัญญาอันสูงส่งที่เหนือกว่ามนุษย์ เรื่องราวทั้งหมดยังคงเป็นปริศนาที่คงต้องรอการพิสูจน์ต่อไป
อีกหนึ่งเรื่องราวปริศนาของกำแพงหินขนาดใหญ่สุดลึกลับ ที่เชื่อกันว่าเป็นผลงานการสร้างของมนุษย์ในยุคโบราณ แต่ก็มีคนอีกจำนวนมากที่ไม่ได้เชื่อเช่นนั้น เพราะด้วยความใหญ่โตมโหฬารของกำแพงหินดังกล่าว คงไม่น่าจะใช่ผลงานการสร้างของมนุษย์ แต่น่าจะเป็นฝีมือของผู้ที่มาจาก ‘นอกโลก’ เสียมากกว่า!
‘Gornaya Shoria’ คือชื่อของกำแพงหินสุดลึกลับที่ว่า ตั้งอยู่บริเวณหุบเขา Shoria (Mount Shoria) ทางตอนใต้ของไซบีเรีย ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 2013 โดย Georgy Sidorov นักสำรวจชาวรัสเซีย กำแพงหินดังกล่าวประกอบไปด้วยหินซึ่งมีน้ำหนักหลายพันตัน ซ้อนทับกันอย่างประณีตราวกับจับวาง ซึ่งหินบางก้อนมีน้ำหนักมากถึง 4,000 ตันเลยทีเดียว และที่น่าประหลาดใจมากกว่านั้นคือ หินเหล่านี้ทับซ้อนกันสูงกว่า 40 เมตร โดยนักโบราณคดีสันนิษฐานว่ากำแพงหินดังกล่าวถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว

และไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพราะในบริเวณนั้นไม่มีร่องรอยของการเกิดกระบวนการทางธรณีวิทยาในลักษณะที่ใกล้เคียงกับกำแพงหินนี้ที่ว่านี้มาก่อนเลย และหินเหล่านี้มีพื้นผิวที่เรียบเนียน มีเหลี่ยมมุมที่ลงตัวจนน่าสงสัย ซึ่งรูปทรงดังกล่าวคล้ายกับวิธีการก่ออิฐของมนุษย์ในยุคโบราณ หากแต่นักโบราณคดีมิอาจทราบได้ว่า ใครกันคือผู้สร้างกำแพงหินเหล่านี้ สร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ใดและใช้วิธีการใดในการเคลื่อนย้ายหินที่มีน้ำหนักมากมายมหาศาล ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้คนในยุคสมัยนั้นจะมีเครื่องทุ่นแรงใดๆ มาช่วยในการเคลื่อนย้ายหินขนาดมหึมาเหล่านี้ได้

นอกจากความมหัศจรรย์ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว นักธรณีวิทยาที่เดินทางไปสำรวจกำแพงหินลึกลับแห่งนี้พบว่า เมื่อใดก็ตามที่เข้าใกล้กำแพงหิน เข็มทิศที่พวกเขานำติดตัวไปด้วยเกิดทำงานผิดปกติ กล่าวคือเข็มทิศจะไม่สามารถชี้ไปยังทิศที่ตั้งของกำแพงหินได้ แต่มันดันหันเหออกไปยังทิศอื่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ หรือนี่จะเป็นอีกหนึ่งผลงานการสร้างของผู้มีอารยธรรมและภูมิปัญญาอันสูงส่งที่เหนือกว่ามนุษย์ เรื่องราวทั้งหมดยังคงเป็นปริศนาที่คงต้องรอการพิสูจน์ต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2560

สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้นี่คือคำสาปหรือเป็นแค่เรื่องบังเอิญ


ชะตากรรมแสนเศร้าของเหล่าผู้ค้นพบ ‘สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้’ นี่คือคำสาปหรือเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 1974 ณ ตำบลหลินถง เมืองซีอาน มณฑลฉ่านซี ประเทศจีน ชายชาวไร่ 7 คน ได้ทำการขุดบ่อน้ำแต่บังเอิญขุดไปเจอหัวของหุ่นดินเผาทหารที่ฝังอยู่ใต้ดินลึก 15 เมตร ซึ่งในตอนนั้นไม่มีใครกล้าแตะต้อง เพราะพวกเขาคิดว่าเป็นเศียรของพระพุทธรูป และในเวลาต่อมาทางการจีนได้เข้าทำการขุดสำรวจต่อ

 จึงได้พบว่า สิ่งที่ชาวไร่ 7 คนขุดเจอนั่นคือสุสานของจักรพรรดิจิ๋นซี ฮ่องเต้ (Terracotta Warriors) จักรพรรดิองค์แรกของจีน ที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ภายในสุสานมีกองทัพทหารดินเผา พลเดินเท้า พลยิงธนู และพลขับรถม้าศึกมากกว่า 8,000 ตัว ซึ่งแต่ละตัวมีหน้าตาไม่เหมือนกันเลย สุสานโบราณแห่งนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,180 ตารางกิโลเมตรเลยทีเดียว

และเรื่องราวที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้ หาใช่เรื่องราวความเป็นมาของสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ แต่เป็นเรื่องราวของชายชาวไร่ 7 คน ผู้ค้นพบสุสานที่น้อยคนนักจะรู้ว่า ชีวิตของพวกเขาหลังจากการค้นพบสุสานนั้นต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัสราวกับต้องคำสาปก็ไม่ปาน เริ่มจากพื้นที่ไร่นาอันเป็นแหล่งทำมาหากินของพวกเขาถูกรัฐบาลจีนยึด เพื่อปรับเปลี่ยนเป็นหอจัดแสดงหุ่นทหารที่ขุดพบ สร้างลานจอดรถ และร้านกิฟท์ช็อปเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนอย่างล้นหลามหลังทราบข่าวการค้นพบ พื้นที่บางส่วนถูกยึดฟรีๆ บางส่วนได้รับเงินชดเชย 300 หยวน หรือราว 12,000 บาท ต่อพื้นที่ 600 ตารางเมตร

 ซึ่งน้อยมากหากเทียบกับรายได้ที่รัฐจะได้มาจากเปิดสถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก พวกพ่อค้าและเจ้าหน้าที่ในเมืองต่างร่ำรวยไปตามๆ กัน หากแต่เหล่าผู้ค้นพบทั้ง 7 นั้น ต้องสูญเสียทั้งแหล่งทำมาหากินและวิถีชีวิตที่เคยมีไปตลอดกาล
ต่อมาในปี ค.ศ. 1997 นาย Yang Puzhi 1 ใน 7 ผู้ค้นพบ วัย 60 ปี ได้ฆ่าตัวตายเพื่อหนีความจนที่ต้องเผชิญแบบจำยอม และยังมีโรคหัวใจรุมเร้าจนไม่มีเงินรักษา และอีก 3 ปีให้หลัง นาย Yang Wenhai และ นาย Yang Yanxin อีก 2 ผู้คนพบ ก็ได้เสียชีวิตตามกันไปในวัย 50 ปี ทั้งคู่ต้องตายอย่างทรมาน เนื่องจากไม่มีเงินรักษาและไม่รู้แม้กระทั่งว่าตัวเองป่วยเป็นโรคอะไร

เท่านั้นคือ นาย Yang Quanyi วัย 79 ปี, นาย Yang Peiyan วัย 78 ปี, นาย Yang Zhifa และ นาย Yang Xinman วัย 69 ปี ทั้ง 4 คนนี้ มีหน้าที่คอยเซ็นชื่อในอัลบั้มภาพที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยวที่เข้าชมสุสานด้วยเงินเดือนคนละ 1,000 หยวน หรือราว 4,500 บาท ซึ่งถือว่าน้อยมากสำหรับพวกเขาเหล่าผู้ค้นพบ และที่น่าเจ็บใจยิ่งกว่าคือ ทางการจีนไม่เคยบันทึกชื่อหรือภาพของชายชาวไร่ทั้ง 7 คนในฐานะผู้ค้นพบกลุ่มแรกเลย ระบุเพียงแค่ว่าผู้ค้นพบคือชาวไร่กลุ่มหนึ่งเท่านั้น! หากแต่พวกเขาก็ไม่กล้าเรียกร้องอะไรมาก เพราะกลัวจะมีปัญหากับทางการจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย

ภรรยาของหนึ่งในผู้ค้นพบกล่าวว่า ‘สามีของเธอเกิดความสงสัยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันว่า พวกเขาไม่น่าไปขุดเจอสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้เลย น่าจะปล่อยให้จมดินอยู่เช่นเดิม มิเช่นนั้นแล้วชีวิตของพวกเขาน่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้เยอะเลยเชียว นึกแล้วก็ได้แต่เสียดาย’

เคยมีสำนักข่าวชื่อดังได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่า เหตุใดเหล่าผู้ค้นพบจึงไม่ได้รับเครดิตจากทางรัฐบาลเลย ทางเจ้าที่ก็ตอบกลับมาว่า
‘ไม่สำคัญว่าใครเป็นผู้ค้นพบ รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลและปกป้องเฉพาะสิ่งที่ค้นพบเท่านั้น!

รายการบล็อกของฉัน