Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พบโครงสร้างลึกลับในป่าอเมซอน


พบโครงสร้างลึกลับในป่าอเมซอน
ทีมนักวิจัยพบโครงสร้างลี้ลับอายุกว่า 2,000 ปีในป่าอเมซอน คาดเป็นที่อยู่อาศัยของคนพื้นเมืองดั้งเดิม

ทีมนักวิจัยจากสหราชอาณาจักรและบราซิลค้นพบโครงสร้างลี้ลับอายุกว่า 2,000 ปีหลายร้อยชิ้นในป่าอเมซอน ประเทศบราซิล โดยสิ่งก่อสร้างอายุนับพันปีเหล่านี้ถูกป่ารกชัฏปกคลุมมายาวนาน จนกระทั่งถูกเปิดเผยต่อสายตามนุษย์เมื่อเร็วๆ นี้ หลังจากมีการตัดไม้ทำลายป่าอย่างหนักในช่วงไม่กี่ปีมานี้

สิ่งก่อสร้างเนินดินคล้ายคูน้ำและกองก้อนหินประหลาดคล้ายสโตนเฮนจ์ในประเทศอังกฤษ ตั้งเรียงรายกินพื้นที่ 13,000 ตร.กม. กระจายอยู่ในพื้นที่รัฐอากรีในป่าอเมซอนทางตะวันตกของบราซิล แม้นักวิจัยจะยังไม่ทราบจะประสงค์ในการก่อสร้างโครงสร้างโบราณนี้ แต่คาดว่าอาจจะถูกใช้เป็นที่รวมตัวประกอบพิธีกรรมอย่างหนึ่งอย่างใด

จากการวิเคราะห์ดินที่ขุดขึ้นมาจากภายในและนอกเนินดินของสิ่งก่อสร้าง พบว่า พื้นที่ดังกล่าวอาจจะเคยเป็นที่อยู่อาศัยของคนพื้นเมืองดั้งเดิม ยังพบหลักฐานอีกว่าบรรพบุรุษของชาวบราซิลไม่ได้เผาป่าเป็นวงกว้างไม่ว่าจะเพื่อทำการเกษตรหรือการสร้างโครงสร้างลี้ลับ แต่พวกเขากลับให้ความสนใจกับการปลูกพืชเศรษฐกิจ อาทิ ปาล์ม และการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้กลายเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตในยุคดึกดำบรรพ์

นักวิจัยยังเชื่อว่า ความหลากหลายทางชีวภาพของป่าที่เหลืออยู่ในรัฐอากรีในปัจจุบัน อาจเป็นผลมาจากการทำไร่นาสวนผสมของคนยุคก่อน

วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พบรูปแกะสลักอายุกว่า 8 พันปี ในตุรกี

พบรูปแกะสลักอายุกว่า 8 พันปี ในตุรกี    
คาดเป็นตัวแทน “สาวแก่สถานะทางสังคมสูง”

รูปสลักหินปูนที่พบในชาตัลฮูก (ภาพจาก Çatalhöyük Research Project)
เผยแพร่วันพฤหัสที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2559
นักโบราณคดีขุดพบรูปแกะสลักอายุกว่า 8 พันปี ที่ชาตัลฮูก (Çatalhöyük) แหล่งโบราณคดียุคหินใหม่ในประเทศตุรกี ซึ่งนักโบราณคดีสันนิษฐานว่า นอกจากน่าจะเป็นรูปสลักของเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์แล้ว ยังอาจเป็นตัวแทนของสาวสูงวัยผู้มีสถานะสูงในสังคมอีกด้วย

รูปสลักดังกล่าวทำจากหินปูนตกผลึกซ้ำ (recrystallized limestone) สูงราว 17 ซม. กว้าง 11 ซม. อายุประมาณ 6300-6000 ปีก่อนคริสต์กาล ซึ่งถือว่าเป็นการใช้วัสดุที่ต่างไปจากปกติ ที่ส่วนมากรูปประติมากรรมจากพื้นที่เดียวกันส่วนใหญ่มักใช้เทคนิคในการทำเครื่องปั้นดินเผาเป็นหลัก

รายงานของ Live Science กล่าวว่า รูปสลักดังกล่าวนอกจากจะใช้วัสดุต่างจากรูปประติมากรรมทั่วไปแล้ว ความปราณีตในเชิงช่างยังโดดเด่นกว่ารูปปั้นอื่นๆ ที่พบในพื้นที่และยุคเดียวกัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ผู้แกะสลักจะต้องใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กและบาง เพื่อสามารถแกะลักษณะต่างๆ ที่เป็นรายละเอียดปลีกย่อยได้ และต้องเป็นช่างฝีมือที่ผ่านการฝึกฝน มิใช่ช่างสมัครเล่น ทำให้มีการสันนิษฐานว่า ในช่วงดังกล่าวเริ่มมีสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงทางสังคม จากที่เคยเป็นสังคมแห่งการแบ่งปัน ไปสู่สังคมแห่งการแลกเปลี่ยน ซึ่งทำให้การจัดสรรทรัพยากรเริ่มไม่เป็นไปอย่างเท่าเทียม

พื้นที่ขุดสำรวจในชาตัลฮูก (โดย Dr._Colleen_Morgan from York, UK, USA, via Wikimedia Commons)
“เราคิดว่า สังคมเริ่มเปลี่ยนในช่วงนี้ ความเท่าเทียมเริ่มมีลดน้อยลง บ้านหลังต่างๆ เริ่มแยกตัวออก และสังคมได้หันมาพึ่งพิงผลผลิตจากการเกษตรมากขึ้น” เอียน ฮอดเดอร์ (Ian Hodder) ศาสตราจารย์ด้านมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งดูแลการขุดค้นแหล่งโบราณคดีแห่งชาตัลฮูกกล่าว ก่อนเสริมว่า ลักษณะอ้วนท้วนของรูปสลักน่าจะเป็นตัวแทนของสถานะอันสูงส่ง มากกว่าที่จะเป็นตัวแทนของตำแหน่งของผู้ที่ได้รับการยกย่องในสังคมที่มีความเท่าเทียมกัน

ทั้งนี้ ชาตัลฮูกคือแหล่งชุมชนโบราณขนาดใหญ่มีอายุย้อนไปกว่า 9 พันปี ยุครุ่งเรืองที่สุดอยู่ในช่วง 7000 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนถูกทิ้งร้างไปเมื่อราว 5700 ปีก่อนคริสตกาล ชาวบ้านที่นี่อาศัยอยู่ในบ้านดินที่ตั้งอยู่ติดกันอย่างหนาแน่น โดยคาดว่าน่าจะมีประชากรราว 5 พันคน ส่วนใหญ่เป็นชาวไร่ชาวนาที่เริ่มรู้จักการเพาะปลูกพืชไม่กี่ชนิด และทำปศุสัตว์เพื่อกินเนื้อและนม

ความโดดเด่นของชาตัลฮูกคือชุมชนแห่งนี้ไม่มีการแบ่งลำดับชั้นทางสังคมที่ชัดเจน ไม่มีบ้านสำหรับนักบวชหรือผู้นำชุมชน, ไม่มีศาสนสถาน, พื้นที่สาธารณะ หรือสุสาน เมื่อมีผู้เสียชีวิตร่างของพวกเขาจะถูกฝังไว้ใต้พื้นบ้าน ทำให้นักโบราณคดีบางส่วนเชื่อว่าชุมชนแห่งนี้เป็นสังคมแห่งความเสมอภาค

รายการบล็อกของฉัน