Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ไขปริศนาเกาะลึกลับ


ไขปริศนา “เกาะลึกลับ”
ทางฝั่งตะวันออกของออสเตรเลีย ที่ใครก็ไม่มีวันค้นพบ  

ทะเลที่กว้างใหญ่ของเรานั้นมีเรื่องที่ทำให้เราคาดไม่ถึงอยู่หลายต่อหลายเรื่องด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดในท้องทะเลที่ผู้คนต่างพากันหวาดกลัว เรื่องราวของผีที่พบร่องรอยอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ในท้องทะเล

รวมถึงเรื่องราวของ เกาะปริศนา เช่น หมู่เกาะ Sandy ที่เป็นข้อถกเถียงกันในหมู่นักสำรวจและนักวิทยาศาสตร์ว่าแท้จริงแล้วนั้นเกาะนี้มีอยู่จริงหรือไม่ แล้วถ้ามีอยู่จริงมันอยู่ที่ไหนกันแน่?
Sandy หมู่เกาะลึกลับกลางทะเล

ประเทศออสเตรเลียหนึ่งในประเทศที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดเป็นระดับต้นๆ ของโลกและมีสภาพภูมิประเทศที่ทรหดสุดๆ สำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นการที่จะพบเกาะใหม่ๆ นั้นอาจมองเป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่สำหรับคนอื่นๆ กลับตรงกันข้ามทุกคนตื่นเต้นที่จะขึ้นไปเหยียบแผ่นดินใหม่

แผนที่หมู่เกาะ Sandy Island ปี 1908
หมู่เกาะที่ว่านี้ก็คือหมู่เกาะแซนดี้ (Sandy Island) ตามที่มีอยู่ในบันทึกการเดินเรือของพวกนักเดินเรือที่เคยเดินทางผ่านเกาะนี้มาก่อน เมื่อเห็นหมู่เกาะใหม่ปรากฏอยู่ใกล้ๆ ออสเตรเลียแล้วแน่นอนว่าการสำรวจย่อมตามมา พวกนักวิทยาศาสตร์ และนักสำรวจต่างพากันไปสำรวจยังหมู่เกาะดังกล่าว แต่ก็ต้องพบกับเรื่องน่าฉงนตรงที่ว่าในบริเวณที่ว่ากับไม่มีหมู่เกาะใดๆ อยู่เลยนอกจากน้ำทะเลล้วนๆ ไม่มีดินผสม

เกาะอยู่ที่ไหน ?
นักวิทยาศาสตร์ นักสมุทรศาสตร์ และ นักสำรวจ ต่างก็พากันมาหาคำตอบรวมกันว่าเกาะที่ว่านี้มันอยู่ที่ไหนกันแน่เพราะจากบันทึกของพวกนักเดินเรือล่าวาฬนั้นได้ระบุเอาไว้ว่าในบริเวณ New Caledonia มีหมู่เกาะตั้งอยู่แน่นอน โดยพวกเขาได้ทำการสำรวจพื้นที่บริเวณที่เชื่อกันว่ามีเกาะอยู่ถึง 25 วัน แต่ก็ต้องพบกับเรื่องที่น่าผิดหวังเพราะมันไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากทะเล

จุดระบุที่ตั้ง Sandy Island
จนกระทั่งมาถึงยุคที่วิทยาการทางด้านดาวเทียมเปิดกว้าง สิ่งนี้เองคือจุดที่นำมาซึ่งเรื่องราวลึกลับสำหรับคนหลายๆ คนที่เข้าไปส่องดูโดยเฉพาะพวกนักวิทยาศาสตร์และนักสำรวจที่พากันงงเป็นไก่ตาแตกว่าสิ่งนี้มาจากไหน เพราะในแผนที่ดาวเทียมนั้นมันได้ปรากฏหมู่เกาะหนึ่งขึ้นมาทั้งที่มันไม่น่าจะมีได้

นอกจากบันทึกการเดินเรือแล้ว Google Earth ยังมีการระบุตำแหน่งที่ตั้งของเกาะนี้เอาไว้อีกตะหากแล้วทำไมมันถึงหายไปเสียเฉยๆ อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ซึ่งเรื่องของหมู่เกาะลึกลับนี้ก็มีหลายต่อหลายฝ่ายที่พยายามจะช่วยกันค้นหาคำตอบ จนในที่สุดมันก็นำไปสู่คำตอบที่อาจเป็นคำอธิบายว่าทำไมถึงไม่มีหมู่เกาะแห่งนี้อยู่ในทะเล
ทฤษฎีของหมู่เกาะ Sandy

ทฤษฎีแรกนั้นมาจากปากคำของเหล่านักวิจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้และเป็นคำอธิบายที่อาจเป็นไปได้มากที่สุด คำตอบที่ว่าก็คือนักล่าปลาวาฬอาจเข้าใจผิดว่าบริเวณเกาะแถวนั้นเป็นเกาะใหม่ที่ไม่มีการสำรวจและจัดการตั้งชื่อเกาะนี้เสียว่าหมู่เกาะ Sandy ซึ่งนั้นก็จะอธิบายได้ทันทีว่าทำไมถึงไม่ปรากฏหมู่เกาะดังกล่าว

แต่ก็มีผู้ที่เห็นแย้งออกมาว่าถ้าหากมันไม่มีเกาะนี้อยู่แล้วมันจะปรากฏอยู่บนแผนที่ดาวเทียมได้อย่างไร นอกจากนี้ยังมีผู้ที่เชื่อกันว่าหมู่เกาะเหล่านี้เป็นหมู่เกาะปริศนาที่ยังคงพบร่องรอยอยู่ในทะเลอีกด้วย

ภาพจำลองสถานที่ตั้งของหมู่เกาะ Sandy ที่เชื่อว่าใกล้กับหมู่เกาะ New Caledonia
แต่เมื่อไม่นานมานี้ปริศนาทั้งหมดก็ได้ถูกไขลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อทางทีมงาน Google ได้ตัดสินใจถ่ายภาพดาวเทียมลงไปอีกครั้งในบริเวณหมู่เกาะดังกล่าว

ซึ่งเป็นที่กระจ่างชัดว่า ไม่มีหมู่เกาะที่ว่าอยู่ในแผนที่ดาวเทียมแต่อย่างใด เป็นเพียงแค่ ‘แนวปะการัง’ ที่ทอดตัวยาวจนมีลักษณะคล้ายหมู่เกาะบนภาพถ่าย เป็นอันปิดฉากปริศนาที่ไม่มีใครตอบได้ในเรื่องของหมู่เกาะปริศนาไปในที่สุด
จะเห็นได้ว่าในบางครั้งเรื่องราวปริศนาที่เกิดขึ้นมากับมนุษย์นั้นในบางครั้งก็เป็นเรื่องราวของความเข้าใจผิดที่อาจเกิดขึ้นกับวิทยาการหรือเทคโนโลยีซึ่งส่งผลกระทบให้กับมนุษย์อย่างใหญ่หลวงเสียจนกลายมาเป็นปริศนาสุดงง ที่สร้างความแตกตื่นให้กับคนทั้งประเทศกันได้เลยทีเดียว

หมายเหตุ
แม้จะมีการยืนยันจากนักธรณีวิทยา และนักวิทยาศาสตร์อย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า หมู่เกาะ Sandy นั้นไม่มีอยู่จริง แต่กลุ่มคนที่สนใจเรื่องลึกลับก็ยังเชื่อว่า มีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลในเหตุการณ์นี้ และตั้งหน้าตั้งตาเพื่อค้นหา ‘เกาะลับแล’ นี้ต่อไป
เครดิตข้อมูล daily.rabbit.co.th


Subway 2 สถานีรถไฟลึกลับแห่งรัสเซีย นี่คือเรื่องจริงหรือแค่ตำนาน


Subway 2 สถานีรถไฟลึกลับแห่งรัสเซีย นี่คือเรื่องจริงหรือแค่ตำนาน

มีเรื่องเล่าของสถานีรถไฟใต้ดินใต้กรุงมอสโคว์ เมืองหลวงของประเทศรัสเซียแห่งหนึ่ง ที่มีความเป็นมาสุดลึกลับและน่าขนลุก ครั้งหนึ่งมันเคยถูกตั้งชื่อสถานีเพื่อเป็นเกียรติกับสองวีรบุรุษของชาติอย่าง
”ลาซาร์ คากาโนวิช” หนึ่งในคนสนิทที่ไว้ใจได้ของอดีตท่านผู้นำสตาลิน และ ”วลาร์ดิเมียร์ เลนิน” หัวหน้าพรรคบอลเชวิกและนักปฏิวัติมาร์กซิสคนแรกของสหภาพโซเวียต

สถานีรถไฟแห่งนี้รู้จักกันในชื่อของ ”Subway 2” โดยเอกสารลับของรัฐบาลรัสเซียระบุอย่างเป็นทางการโดยใช้ชื่ว่า ”D-6”
กล่าวกันว่าสถานีแห่งนี้มีเส้นทางเชื่อมต่อไปยังหลายๆ เมืองในรัสเซีย เชื่อกันว่ามันถูกสร้างขึ้นเพื่อรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ไม่คาดคิดขึ้น ท่ามกลางข่าวลือเกี่ยวกับปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ บ้างก็ว่ามันเป็นสุสานโบราณใต้ดินที่ถูกสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 16

‘เคยมีชาวบ้านที่เดินทางมาใช้บริการสถานีรถไฟใต้ดินในกรุงมอสโคว์ รายงานว่าพบเห็นขบวนรถไฟลึกลับที่วิ่งเป็นเส้นทางวงกลมซ้ำไปซ้ำมา
เมื่อมองเข้าไปข้างในตู้ขบวนรถไฟจะพบว่าทุกคนสวมใส่เสื้อผ้ายุค 40 – 50

บ้างก็ลือกันว่ารถไฟขบวนนี้อาจหยุดจอดในบางสถานี และใครก็ตามที่เผลอขึ้นขบวนรถไฟผีคันนี้ จะไม่มีโอกาสได้เดินออกมาขณะยังมีชีวิตอีกเลย’
ในปี ค.ศ.1982 เกิดอุบัติเหตุรางบันไดเลื่อนพังทลายลงมา จนทำให้มีประชาชนเสียชีวิต 8 รายเนื่องจากถูกกดทับ โดยร่างของผู้ได้รับบาดเจ็บจนขาดอากาศหายใจและเสียชีวิต มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 30 ราย มีข่าวลือว่าผู้เสียชีวิตบางคนถูกเครื่องจักรของบันไดเลื่อนหั่นเป็นชิ้ ๆ 

จนมีชาวบ้านจำนวนไม่น้อยโยงเหตุการณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของอาถรรพ์สถานีหมายเลข 2 แห่งนี้ บ้างก็ว่าสถานที่แห่งนี้เคยเป็นสถานที่ลำเลียงศพของทหารที่สู้รบในช่วงสงครามกลางเมืองอันนองเลือด จึงทำให้เชื่อว่ายังมีดวงวิญญาณของทหารจำนวนมากที่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด และกำลังมองหาตัวตายตัวแทนมารับหน้าที่ต่อไป

นอกจากนี้ชาวเน็ตรัสเซียจำนวนมากยังรายงานว่าพบเห็นดวงวิญญาณล่องลอยเข้าไปในอุโมงค์ลับ จนทำเอาชาวเมืองต่างอกสั่นขวัญหายกันถ้วนหน้าเลยทีเดียว

เครดิตข้อมูล stv

วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ปริศนาโลหะลึกลับKlerksdorp sphere


🗿Klerksdorp sphere..
หรือ ร่องวงกลม เป็นโลหะลึกลับที่มีการค้นพบกว่า 3 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยคนงานเหมืองใน Ottosdal เมืองเล็กๆ ในประเทศแอฟริกาใต้ได้ขุดค้นพบวัตถุโลหะทรงกลมลึกลับจำนวนหนึ่ง ขึ้นมาในชั้นหินแร่ไพโรฟิลไลท์ โดยไม่ทราบที่มา

และแหล่งกำเนิดได้ว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไรกัน
แน่ มันเป็นวัตถุโลหะทรงกลมลึกลับนี้วัดขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางรอบวง
ได้ประมาณ 1 นิ้วกว่าๆ
(0.5-10 ซม.) และมี 2 แบบ
คือโลหะสีน้ำเงินอ่อน มีสีขาวเป็นจุดๆ อีกแบบเป็นทรงกลวง ข้างในบรรจุข้าวสาลี  และจากการตรวจสอบหาอายุวัตถุลึกลับนี้จากชั้นของหินพบว่ามันมีอายุนานถึง 2,800 ล้านปี!!
(ในวีพีมีเดียอังกฤษบอกว่า 3,000 ล้านปี)

ซึ่งมันเป็นยุคพรีแคมเบรียนหรือบรมยุคกำเนิดโลก  ดูจากยุคแล้วก็บอกได้แน่นอนว่าไม่มี วิทยาการที่สามารถใช้ไฟหลอมโลหะเป็นทรงกลมได้แน่ๆ แถมเป็นยุคที่ไม่มีมนุษย์อีก ทำให้จนบัดนี้ก็ยังไม่มีใครทราบคำตอบว่าใครเป็นทำโลหะทรงกลมเหล่านั้น?? และทำเพื่ออะไร?? ทำให้ตั้งข้อสมมุติฐานว่าเกิดจากธรรมชาติเท่านั้น.....

👉ไขปริศนา นักธรณีวิทยาได้ไขปริศนาเรียบร้อยแล้วครับว่า เจ้าวัตถุลึกลับนี้ไม่ใช่ฝีมือมนุษย์แน่นอน หากแต่มันเกิดจากธรรมชาติที่ได้สร้างสรรค์ออกมา โดยเรียกว่าปรากฏการณ์แปรสภาพ ก้อนคอนครีชั่น (Concretions) ซึ่งเกิดจากดินตะกอนเถ้าภูเขาไฟหรืออาจเป็นก้อนแร่เหล็กสีน้ำตาลที่บ่มเพาะจับตัวเป็นก้อนประมาณ 3000 ล้านปี โดยส่วนมากจะเป็นรูปไข่หรือทรงกลม แม้ว่าจะเป็นรูปร่างผิดปกติไปบ้างแต่ก็มาจากธรรมชาติ 

โดยเปลี่ยนรูปเปลี่ยนสีเนื่องด้วยสภาพดินฟ้าอากาศและการออกซิไดซ์ ซึ่งด้วยรูปร่างแปลกดังกล่าวทำให้หลายคนมักตีความผิดว่าเกิดจากฝีมือมนุษย์ และหลักฐานที่เชื่อถือว่าคือมีการพบก้อนคอนครีชั่นในชั้นที่พบว่าอายุถึง 2.7- 28ล้านปี
ในออสเตรเลียซึ่งมีรูปร่างเหมือนวัตถุลึกลับดังกล่าวไม่มีผิด
Klerksdorp sphere

ไขปริศนาวัตถุลึกลับใต้บอลติก


นักสำรวจเผยภาพวัตถุลึกลับ
อยู่ใต้ทะเลบอลติกเส้นผ่านศูนย์กลาง 60 ม. แถมพบรอยไถลบนพื้นเป็นทางยาว เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา นักสำรวจใต้สมุทรได้เปิดเผยภาพของวัตถุลึกลับนอนนิ่งอยู่ที่ใต้ท้องทะเลบอลติก ระหว่างประเทศสวีเดนและฟินแลนด์....

เมื่อเดือน พ.ย. นักสำรวจใต้สมุทรได้เปิดเผยภาพของวัตถุลึกลับนอนนิ่งอยู่ที่ใต้ท้องทะเลบอลติก ระหว่างประเทศสวีเดนและฟินแลนด์ วัตถุประหลาดชิ้นนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 60 ม.
มีความสูงราว 3-4 ม.
เป็นรูปทรงกลมและโค้งมนคล้ายกับดอกเห็ด

นอกจากนี้ นักสำรวจยังพบทางเรียบใต้ทะเลที่มีลักษณะคล้ายรันเวย์สนามบินความยาว 300 ม. และไปสิ้นสุดตรงจุดที่วัตถุประหลาดนอนนิ่งอยู่ ราวกับว่าเป็นจุดลงจอดหรือเป็นร่องรอยจากการไถลไปตามพื้น

แม้จะยังไม่ทราบแน่ชัดว่า คืออะไร นักสำรวจชาวสวีเดนและผู้สนใจจากทั่วโลกตั้งข้อสังเกตว่า วัตถุลึกลับมีลักษณะคล้ายกับยาน “มิลเลนเนียม ฟอลคอน” ที่ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องสตาร์วอร์ส ทำให้เกิดทฤษฎีไปต่างๆ นานาว่า วัตถุดังกล่าวอาจเป็นยานอวกาศจากนอกโลกที่ตกลงสู่พื้นทะเลอย่างลึกลับ
ไปจนทฤษฎีที่ว่าสถานที่พบวัตถุนี้อาจเป็นปากทางเข้าสู่ใจกลางของโลกที่ถูกปิดไว้โดยบุคคลหรือสิ่งมีชีวิตลึกลับ

ขณะนี้ นักสำรวจใต้น้ำจากประเทศสวีเดนกำลังเป็นที่จับตาจากทั่วโลกว่า จะสามารถ
ไขปริศนาที่ห้อมล้อมวัตถุลึกลับนี้ได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยิ่งทำการสำรวจมากเท่าไรยิ่งพบกับปริศนาดำมืดมากขึ้นเท่านั้น

ล่าสุด นักสำรวจยังค้นพบการก่อตัวของกองหินที่ไม่น่าจะเกิดจากการกระทำของพลังงานธรรมชาติ แต่คล้ายกับทำขึ้นโดยฝีมือของมนุษย์ โดยกองหินดังกล่าวตั้งอยู่บนปากหลุมของวัตถุประหลาด มีลักษณะคล้ายกับเตาไฟแคมปิ้ง ทั้งยังพบด้วยว่าบนหินแต่ละก้อนมีร่องรอยของเขม่าควันไฟ

ปีเตอร์ ลินเบอร์ก หนึ่งในทีมสำรวจ เปิดเผยว่า พื้นที่ทะเลบอลติกไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวของภูเขาไฟ อีกทั้งก้อนหินยังไม่สามารถเกิดไฟเผาผลาญตัวเองได้ ทำให้ปริศนาเกี่ยวกับวัตถุประหลาดใต้ทะเลยิ่งยากที่จะสรรหาคำอธิบายที่สมเหตุผลได้

ส่วน สเตฟาน ฮอจบอร์น สมาชิกของทีมสำรวจ เปิดเผยว่า ส่วนตัวแล้วในฐานะที่เคยดำน้ำมากว่า 60 ปี ด้วยประสบการณ์ดำน้ำกว่า 6,000 ครั้ง ยังไม่เคยพบเจอสิ่งประหลาดยิ่งกว่านี้มาก่อน ซึ่งก่อนหน้าที่จะดำลงไปสำรวจเจ้าตัวคิดว่าคงจะสามารถค้นพบหลักฐานที่บ่งชี้ที่มาของวัตถุลึกลับได้ แต่กลายเป็นว่าเมื่อขึ้นสู่ผิวน้ำกลับต้องพบกับปริศนามากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ น่านน้ำทะเลบอลติกเต็มไปด้วยซากเรือที่จมลงจากยุคต่างๆ และคาดว่าจะมีวัตถุมีค่านับแสนชิ้นนอนรอผู้มากู้คืนสู่ผิวโลกอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม การสำรวจน่านน้ำแถบนี้เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะกระแสน้ำเย็นยะเยือกและทัศนวิสัยใต้น้ำที่ไม่ดีนัก

ทีมงานสำรวจของ
Ocean Explorer พบกับวัตถุลึกลับเมื่อเดือน มิ.ย.ปีที่แล้ว จากการอาศัยภาพโซนาร์ใต้น้ำ แต่เพราะขาดเงินทุนและขนาดทีมงานที่ครบครัน จึงทำให้การสำรวจต้องล่าช้าไปถึง 1 ปี
อีกทั้งยังไม่มั่นใจว่าสิ่งที่พบคือเรือรบที่ถูกจมระหว่างสงครามโลกหรือเป็นสิ่งใดกันแน่
สำหรับภาพการสำรวจใต้น้ำเพิ่งได้รับการเผยแพร่โดยหนังสือพิมพ์ Expressen ของสวีเดน และสามารถชมคลิปวิดีโอได้ที่เว็บไซต์ Gizmodo

รายการบล็อกของฉัน