Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ฟอสซิลดอกไม้สมัยดึกดำบรรพ์ สวยแต่มีพิษ


ฟอสซิลดอกไม้สมัยดึกดำบรรพ์ สวยแต่พิษแรง
เมื่อเดือน ก.พ. วารสาร Nature Plants เผยว่านักวิจัยค้นพบฟอสซิลของดอกไม้ ในสมัยยุคดึกดำบรรพ์เมื่อ 20-30 ล้านปีก่อนในป่าของสาธารณรัฐโดมินิกัน โดยดอกไม้นี้สามารถบอกเราได้ถึงแหล่งที่มาของมันฝรั่ง มะเขือเทศ ยาสูบ พิทูเนีย และกาแฟ

ดอกไม้ชนิดนี้เป็นพืชใบเลี้ยงคู่แท้แกนกลางในกลุ่มแอสเทอริด (asterid) โดยศาสตราจารย์ George Poinar จากวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ 
มหาวิทยาลัยออริกอนสเตดกล่าวว่า ฟอสซิลดอกไม้ถูกเก็บรักษาในสภาพที่ดีและสวยงาม 

แต่ก่อนนั้นมันเติบโตขึ้นท่ามกลางป่าไม้เขตร้อนที่เต็มไปด้วยต้นไม้ทั้งต้นใหญ่และต้นเล็ก เถาวัลย์ที่โยงใย ต้นปาล์ม หญ้า และพืชพันธุ์อื่นๆ

ฟอสซิลดอกไม้นี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับระบบชีววิทยาในอดีตอันไกลโพ้น และเป็นหลักฐานว่าพืชกลุ่มแอสเทอริดที่ให้อาหารและผลิตผลอื่นๆกับเราในปัจจุบันนั้นมีความเกี่ยวข้องกับมนุษย์มาหลายสิบล้านปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยกล่าวว่าฟอสซิลดอกไม้นี้เป็นส่วนมืดของพืชกลุ่มแอสเทอริด ซึ่งหากสกัดแล้วจะได้สารสตริกนิน (strychnine) และยางน่อง(Curare) ซึ่งเป็นสารพิษที่เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก

ศาสตราจารย์ Poinar กล่าวว่าพืชแต่ละชนิดมีแอลคาลอยด์เป็นของตัวเอง บางชนิดมีพิษร้ายแรงกว่าชนิดอื่น ซึ่งนับเป็นความสำเร็จเนื่องจากพิษของมันสามารถป้องกันตัวเองจากสัตว์กินเนื้อได้ ในปัจจุบันนี้สารพิษบางชนิดถูกนำไปใช้ทำประโยชน์หรือถูกทำเป็นยาได้

พบฟอสซิลกล้วยไม้ยุคไดโนเสาร์ในซากผึ้งดึกดำบรรพ์


พบฟอสซิลกล้วยไม้ยุคไดโนเสาร์ในซากผึ้งดึกดำบรรพ์ละอองเกสรของดอกกล้วยไม้ดึกดำบรรพ์ติดอยู่บนหลังฟอสซิลผึ้งโบราณ
        
เอเยนซี/เอเอฟพี – พบฟอสซิลผึ้งมีเกสรกล้วยไม้ยุคดึกดำบรรพ์ติดอยู่บนหลัง เป็นที่น่าอัศจรรย์มาก นับเป็นครั้งแรกในโลกที่พบฟอสซิลกล้วยไม้ ยิ่งกว่านั้นยังติดอยู่บนหลังฟอสซิลผึ้งงาน แต่เมื่อครั้งมีชีวิต ทั้งสองฟอสซิลกลับอยู่กันคนละยุคสมัย
              
กล้วยไม้ สิ่งมีชีวิตที่มีความหลากหลายมากที่สุดในอาณาจักรพืชกว่า 25,000 ชนิด ทั้งยังมีการค้นพบกล้วยไม้พันธุ์ใหม่เพิ่มมากอยู่บ่อยครั้ง
ทว่ากลับไม่มีใครเคยพบฟอสซิลของกล้วยไม้มาก่อนเลย และเป็นที่ถกเถียงกันมานานนับศตวรรษถึงอายุของบรรพบุรุษกล้วยไม้ว่าน่าจะอยู่ในช่วง 26-112 ล้านปีก่อน
           
ซานทิเอโก รามิเรซ (Santiago Ramirez) นักชีววิทยา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) เปิดเผยในวารสารเนเจอร์ (Nature) พบฟอสซิลของกล้วยไม้เป็นครั้งแรกติดอยู่บนหลังซากฟอสซิลผึ้งงาน และนับเป็นครั้งแรกด้วยที่พบฟอสซิลพืชกับฟอสซิลสัตว์ติดอยู่ด้วยกัน
             
ฟอสซิลสิ่งมีชีวิตทั้ง 2 ชนิดที่ติดอยู่ด้วยกันถูกฝังอยู่ในอำพันมายาวนาน พบครั้งแรกในสาธารณรัฐโดมินิกันเมื่อปี 2543 ต่อมาถูกนำมาไว้ในพิพิธภัณฑ์สัตววิทยาเปรียบเทียบ (Museum of Comparative Zoology) ม.ฮาร์วาร์ด ในปี 2548
          
หลังจากวิเคราะห์ซากฟอสซิลโบราณพบว่า ผึ้งตัวนี้มีอายุราว 15-20 ล้านปี ส่วนละอองเกสรดังกล่าวเป็นของกล้วยไม้ชนิดใหม่ เมลิออร์คิส แคริบี (Meliorchis caribea) ทั้งยังมีอายุมากถึง 80 ล้านปี อยู่ในช่วงปลายยุคครีเตเชียสก่อนที่ไดโนเสาร์จะสูญพันธุ์ไปจากโลก
              
“ไม่เคยมีบันทึกการค้นพบฟอสซิลของกล้วยไม้มาก่อนเลย นี่จึงนับว่าเป็นครั้งแรกในโลกที่พบฟอสซิลของพืชที่มีความหลากหลายมากที่สุดในโลกอย่างกล้วยไม้ และก็จะช่วยให้ความกระจ่างในเรื่องอายุของพืชชนิดนี้ที่ถกเถียงกันมานานแล้ว” รามิเรซ กล่าว

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2559

พบแล้ว! สุสานยักษ์และสมบัติโบราณ อายุหลายพันปี


พบแล้ว! สุสานยักษ์และสมบัติโบราณ อายุหลายพันปี แม้มนุษย์จะค้นพบ ‘ประวัติศาสตร์’ มามากมาย แต่การพบสุสานอันน่าเหลือเชื่อที่ฝรั่งเศสในครั้งนี้ก็ได้สร้างเสียงฮือฮาไปทั่วโลก อีกทั้งมันยังส่งสัญญาณเป็นนัยๆอีกว่า “โลกนี้ยังมีอีกหลายสิ่งเหลือเกินที่ยังไม่ถูกค้นพบ!!”

โดยนี่คือสุสานขนาดอภิมหามหึมาของเจ้าชาย Celtic จากยุคเหล็ก (Iron Age) ที่ถูกฝังอยู่ภายใต้ชานเมือง Lavau ในประเทศฝรั่งเศสมานานกว่า 2,500 ปี และมันรอดพ้นสายตาของนักโบราณคดีมาได้ปานปาฏิหาริย์

ซึ่งเจ้าชาย Celtic รายนี้ถูกฝังพร้อมกับรถม้าของเขา ซึ่งเก่าแก่ถึงศตวรรษที่ 5 กันเลยทีเดียว และเมื่อนักโบราณคดีระดับแถวหน้าของประเทศมาที่นี่ พวกเขาก็ยังค้นพบทรัพย์สมบัติที่น่าเหลือเชื่อมากมาย…

อาทิ ไหไวน์ทองแดงที่แรร์สุดขีดจนไม่อาจประเมินมูลค่าได้ โดยมันถูกประดับด้วยเศียรของเทพกรีกนาม Acheloos ซึ่งเป็นเทพแห่งสายน้ำนี้มีเขา,เครา หูดั่งโคและมีหนวดซ้อนกัน 3 ชั้น

นอกจากนี้นักโบราณคดียังพบล้อเหล็กของรถม้าในสุสาน และขวดไวน์เซรามิกฝีมือชาวกรีก,ช้อนเงิน และเครื่องเรือนหายาก นักโบราณคดีพากันลงความเห็นว่า “ทรัพย์สมบัติเหล่านี้ได้สะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ของการแลกเปลี่ยนทางการค้าระหว่าง แถบ Mediterranean กับชาว Celts โดยในยุคนั้นพวกพ่อค้าจาก Mediterranean มักมองหาทาส รึไม่ก็ทรัพย์สมบัติล้ำค่า ส่วนชาว Celts ก็ได้รับของหรูหราจากกรีกเป็นการแลกเปลี่ยน

ทั้งนี้การขุดสำรวจก็จะดำเนินไปอีกหลายสัปดาห์จนกว่าจะจบเดือนมีนาคม และทุกคนก็พากันตั้งตาว่าสุสานขนาดยักษ์ของเจ้าชาย Celtic แห่งนี้จะมีความลับที่รอให้ค้นพบมากกว่านี้…

วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ยานดำน้ำจีน เจียวหลง พบสิ่งมีชีวิตลึกลับ ที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อน


ยานดำน้ำจีน "เจียวหลง" พบสิ่งมีชีวิตลึกลับ ที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อนภาพสิ่งมีชีวิตโปร่งใสที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อน ที่ยานเจียวหลงพบ ภาพถ่ายโดยซินหวา เมื่อ ม.ค. 2558 ยานดำน้ำเจียวหลงของจีน ได้ถ่ายภาพสิ่งมีชีวิตโปร่งใสที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อน
              
โดยขณะที่ยานเจียวหลงดำน้ำสำรวจในมหาสมุทรอินเดียด้านตะวันตกเฉียงใต้ ก็ได้พบสิ่งมีชีวิตโปร่งใสสีชมพู ความยาว 30 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 3 เซนติเมตร ทีมนักวิทยาศาสตร์ประจำยานเจียวหลงก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตใด


ภาพสิ่งมีชีวิตโปร่งใสที่ไม่มีใครรู้จักมาก่อน ที่ยานเจียวหลงพบ ภาพถ่ายโดยซินหวา เมื่อ ม.ค. 2558
        
ทั้งนี้ ยานดำน้ำลึกที่ควบคุมด้วยมนุษย์ของจีน ประสบความสำเร็จ โดยทำลายสถิติดำน้ำน้ำลึกที่ระดับ 7,062 เมตรเมื่อ ปี พ.ศ. 2555 ก่อนหน้ามีเพียงสี่ประเทศที่ส่งยานดำน้ำปฏิบัติการสำรวจใต้ทะเลลึก ได้แก่ ฝรั่งเศส ดำลึก 6,000 เมตร รัสเซีย 6,000 เมตร ญี่ปุ่น 6,500 เมตรและสหรัฐอเมริกา 6,100 เมตร
              
จีนมุ่งพัฒนายานสำรวจใต้น้ำลึกเพื่อภารกิจค้นคว้าวิจัยและพัฒนาทางสมุทรศาสตร์ อาทิ สำรวจชีวิต ทรัพยากรและสภาพภูมิศาสตร์ท้องทะเล ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าใต้ท้องทะเลนี้ อุดมไปด้วยทรัพยากรที่มีคุณค่าต่อชีวิต.

ยานดำน้ำ เจียวหลง ลงน้ำครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ม.ค. 2558 ออกสำรวจใต้มหาสมุทรอินเดียด้านตะวันตกเฉียงใต้ (ภาพ ซินหวา)

วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ศาสนาโซโรอัสเตอร์


ศาสนาโซโรอัสเตอร์ (Zoroastrianism)
ศาสนาโซโรอัสเตอร์ เกิดขึ้นนสประเทศอิหร่านยุคก่อนที่อิหร่านจะหันไปนับถือศาสนาอิสลาม ศาสนาโซโรอัสเตอร์ หรือศาสนาเปอร์เซียร์ก็เรียก หรือรู้จักกันในนามของลัทธิบูชาไฟ มีความเชื่อแบบทวินิยม ( Dualism ) สอนเรื่องการต่อสู้กันระหว่างพระเจ้าแห่งความดีกับพระเจ้าแห่งความชั่วร้าย ซึ่งในที่สุดพระเจ้าฝ่ายดีเป็นฝ่ายชนะในการต่อสู้นี้มนุษย์มีเสรีภรพในการเลือกว่าจะเลือกเอาข้างฝ่ายใด
            
ศาสนาโซโรอัสเตอร์เกิดก่อนพุทธกาลประมาณ ๔๐๐-๑๐๐๐ ปี มีโซโรอัสเตอร์เป็นศาสดา มีคัมภีร์อเวสตะ ( Avesta ) เป็นคัมภีร์ศาสนาเชื่อกันว่าศาสนาดซโรอสเตอร์มีอิทธิพลต่อการพัฒนาการของศาสนายูดาย และการเกิดของศาสนาคริสตร์และเชื่อกันว่าโซโรอัสเตอร์เป็นผู้สอนเจ้าลัทธิสำคัญทางความคิด ขื่อไพธากอรัส ( Phyhagoras ) ในบาบิโลนและเป็นผู้ก่อตั้งโหราศาสตร์และเวทมนต์คาถาต่าง ๆ ต่อมาอีกด้วย
ศาสนดาโซโรอัสเตอร์อุบัติขึ้นก่อนคริสต์ศตวรรษ ๖๐๐ ปี เป็นชาวเปอร์เซีย เผ่าอารยันนับถือประเพณีการบูชาพระอาทิตย์ด้วยการจุดไฟตลอดทั้งวันและคืน โซโรอัสเตอร์ได้นำประเพณีการจุดไฟมาปฏิบัติเป็นพิธีกรรมในศาสนาที่ตนสั่งสอนด้วย และไฟได้กลายเป็นสัญญลักษณ์ของศาสนาโซโรอัสเตอต์ไปด้วย ตำนานกล่าวว่า โซโรอัสเตอร์ คือวิญญาณที่เทพเจ้าอาหุรามัสดา ส่งลงมาแทนพระองค์ เพื่อช่วยมนุษย์ผู้มีความทุกข์

ให้โซโรอัสเตอร์กำเนิดเป็นชาวเมื่องมิเีดียประเทศเปอร์เชีย
เมื่ออายุได้ ๗ ปี โซโรอัสเตอร์ได้ไปอยู่ในสำนักของนักบวชในศาสนามากี ( Magi ) ซึ่งเป็นศาสนาดั้งเดิมของโซโรอัสเตอร์ เพื่อศึกษาคำนอนและพิธีกรรม
อายุ ๑๕ ปี สำเร็จการศึกษาจากสำนักนักบวชแล้วออกกสั่งสอนตามทัศนะของตน
อายุ ๓๐ ปี พระเจ้ารับตัวโซโรอัสเตอร์ไปสู่สวรรค์และประทานคำสอนเพื่อให้นำมาสอนมลมนุษย์แต่หลักฐานบางแห่งกล่าวว่า โซโรอัสเตอร์ท่องเที่ยวไปแสวงหาสัจธรรมในทะเลทรายเป็นเวลา ๒๐ ปี และได้พบสัจธรรมบนภูเขาลูกหนึ่ง ต่อมาได้เที่ยวสั่งสอนประชาชนอยู่เป็นเวลานานหลายปี ได้พระเจ้าวิษตาสป จักพรรดิแห่งเปอร์เซียเลื่อมในมอบตนเป็นศาสนิก บำรุงศาสนาโซโรอัสเตอร์ เจริญรุ่งเรืองในประเทศเปอร์เซียต่อมา
โซโรอัสเตอร์สิ้นพระชีพเมื่ออายุ ๘๐ ปี ถูกฆ่าพร้อมด้วยสาวกเป็นอันมาก ขณะทำพิธีในเทวสถานเพื่อขอพรชัยชนะแก่ประชาชนระหว่างสงคราม ที่พวกตุราเนียนบุกโจมตีอาณาจักรเปอร์เซีย

หลักคำสอนสำคัญ
คำสอนพื้นฐานโซโรอัสเตอร์ อธิบายว่า ในเบื้องต้นแห่งสิ่งทั้งหลายได้มีวิญญาณแห่งอาหุรามัสดาและอังคระไมนยุ ซึ่งแทนความดีและความชั่วเทพทั้งสองนี้ได้พบกันเพื่อสร้างชีวิตและศีลธรรมและสากลโลกที่จะเกิดมีขึ้น พญามารได้ถูกสร้างขึ้นสำหรับคนชั่ว ส่วนอาหุรามัสดาเพื่อคนที่บริสุทธิ์และมีศรัทธา

ในคัมภีร์อวสตะ เทพเจ้าอาหุรามัสดา ( Ahura masda ) มีอำนาจสูงสุดเหนือเทพเจ้าองค์อื่นใดทั้งปวงในการต่อสู้กับอำนาจของความชั่วร้าย อาหุรามัสดา เทพเจ้าแห่งแสงสว่างกับอหริมัน ( Ahariman ) เทพเจ้าแห่งความมืด ถูกแยกออกจากกันโดยความว่างเปล่าแต่ทั้งสองคงความเป็นอยู่นิรันดร อหริมันมุ่งทำลายความสงบสุขทั่วไป เทพอาหุรามัสด จึงสร้างโลกทางวัตถุขึ้น ทรงสร้างไฟจากแสงสว่าง มีสีขาวเป็นทรงกลมมองเห็นได้จากระยะไกล  กายโอมาร์ท ( Gayomart ) มนุษย์คนแรกของโลกถูกสร้างมีรูปร่างเป็นทรงกลม ตามความฉลาดเพทอาหุรามัสดา ตรัสว่า เรา อาหุรามัสดา ไม่ด้พักผ่านอยู่สบายเลย เพราะเป็นความปรารถนาของเราที่จะให้คุ้มครองป้องกันแก่ผู้ที่เราได้สร้างขึ้นมา และโดยวิธีเดียวกัน เขาอหริมัน ก็ไม่ได้พักผ่อนเพราะเป็นความปรารถนาของเขาที่จะนำความพินาศมาสู่ผู้ที่เราได้สร้างขึ้น

ลักษณะของอาหุรามัสดในคัมภีร์กล่าวว่า พระอาหุรามัสดา ผู้ทรงสร้าง มีพระรัศมีรุ่งโรจน์ยิ่งใหญ่ที่สุดงามที่สุด มั่นคงที่สุด ฉลาดที่สุด เป็นพระวิญญาณที่มีพระมหากรุณาที่สุด ผู้ใดปรารถนาจะรักพระอาหุารัสดา ในโลกนี้พึงรักคนที่ประพฤติถูกต้อง เนื่องด้วยคนที่ประพฤติถูกต้องย่อมเป็นเสมือนแบบจำลองของพระอาหุรามัสดาผู้เป็นเจ้า
ชีวิตหลังความตาย

ในคัมภีร์อเวสตะโซโรอัสเตอร์สอนว่า ก่อนที่จะบกับการต้อนรับในสวรรค์ วิญญาณจะต้องข้ามสะพาน เรียกว่า สะพานแห่งการแก้แค้น จะมีหญิงสาวคนหนึ่งออกมาต้อนรับ ถ้านั้นดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องบนโลก หากเป็นผู้ดำเนินชีวิตในทางที่ผิดก็จะได้พบกับยายแก่ที่น่าเกลียดน่าขยะแขยง แล้ววิญญาณนั้นจะถูกนำไปสู่สวรรค์ และจะนำวิญญาณที่เลวลงนรก ซิญญาณจะต้องเดินทางไปฟังคำพิพากษา ต้องปรากฏต่อหน้าเทพเจ้ามิธรา ( Mithara ) เทพเจ้าสราโอษา (Sraosha) เทพเจ้ารัษนุ (Rushnu) และในที่สุดวิญญาณก็จะเดินทางผ่านขั้นตอนอีกหลายทั้งนี้แล้วแต่การกระทำ ถ้าเป็นคนดีความคิดดี วิญญาณก็เดินทางไปถึงดวงดาว ถ้ามีวาจาดีวิญญาณก็จะเดินทางไปถึงดวงจันทร์ และถ้าทำความดีวิญญาณก็จะเดินทางไปถึงดวงอาทิตย์ และเดินทางไปถึงสวรรค์และได้พบกับอาหุรามัสดา
การสร้างโลกและจริยธรรม

ในคัมภีร์อเวสตะนั่้นเอง โซโรอัสเตอร์ได้อธิบายว่า จะมีผู้ไถ่บาปมายังโลกนี้เหมือนแสงสว่างส่องมาถึงในวันใหม่ และกล่าวว่า โซโรอัสเตอร์จะเป็นผู้ไถ่บาปคนหนึ่ง ศาสนิกในศาสนาโซโรอัสเตอร์เชื่อวา เมื่อโซโรอัสเตอร์มรณกรรมแล้วจะกลับมาเป็นผู้ไถ่บาป ( Messiah ) หากไม่มาด้วยตัวเอง อย่างน้อยสุดจะมาในรูปของพระบุตร ๓ องค์ของโซโรอัสเตอร์ที่จะถือกำเนิดขึ้นมาในช่วง ๑,๐๐๐ ปีจากน้ำกามของพระองค์ ผู้ไถ่บาปองค์สุดท้ายชื่อ อัสทรัตอิราตา ( Astrat- Ersta )

ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ได้กล่าวแนะนำถึงผู้มาปลดปล่อยว่ามีสามองค์ ซึ่งองค์สุดท้ายเป็นองค์ที่มีความสำคัญที่สุดชื่อตามภาษาเปอร์เซียโบราณว่า ซูชี อันติ ซึ่งในภาษาอื่นเรียกว่า  อัสทรัตอิราตา

คัมภีร์ อเวสตะ เป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาโซโรอัสเตอร์ตอนหนึ่งได้กล่าวว่า   โอ้ผู้บริสุทธิ์จะปรากฏมาในวันรุ่งอรุณที่สดใส ส่องสว่างไปด้วยพระรัศมี พระองค์จะบำรุงศาสนาที่เที่ยงธรรมให้มั่นคง และประกาศเชิญชวนให้ผู้คนมาสู่ศาสนาของพระองค์ด้วยวิทยปัญญาและสันติวิืธี แล้วผู้ใดเล่าที่ละทิ้งศาสนาของพระองค์ ขณะที่ผู้ตอบรับคำเชิญได้กลายเป็นมิตรและผู้ช่วยเหลือพระองค์ ดังนั้น เืพื่อแจ้งข่าวการปรากฏกายของผู้ปลดปล่อยเราขอแต่งตั้งเจ้า โอ้อาหุรา

หมายเหตุ 
๑.การกลับมาเป็นผู้ไถ่บาป ( Messiah ) ตาหหลักการอิสลามเรียกว่า การรัจอะฮฺ หมายถึงการคืนกลับมาของคนบางคนหรือบางกลุ่มตามที่พระองค์ทรงประสงค์ เหมือนการกลับมาของศาสดาอีซา (อ.) ในยุคสุดท้ายก่อนกิยามะฮฺ

๒. ส่วนคนถ่ายบาปหรือผู้ปลดปล่อยมวลมนุษย์ทั้งหลายตามหลักการอิสลมหมายถึง ท่านอิมามมะฮฺดียฺ (อ.) ผู้เร้นกายด้วยอำนาจของพระองค์ และจะปรากฏกายออกมาอีกครั้งเพื่อปลดปล่อยโลกให้รอดพ้นจากความยุติธรรมด้วยอำนาจและตามความประสงค์ของพระองค์



ลัทธิซาตาน


ลัทธิซาตาน
ดาวห้าแฉกกลับหัว สัญลักษณ์ที่แสดงออกถึงความเชื่อมโยงถึง
ซาตาน
ลัทธิซาตาน (อังกฤษ: Satanism) เป็นคำอย่างกว้างที่กล่าวถึงขบวนการทางสังคมขนาดใหญ่ที่มีอุดมการณ์และความเชื่อทางปรัชญาที่หลากหลาย ลักษณะที่พบร่วมกัน คือ ความเกี่ยวข้องหรือความศรัทธาเชิงสัญลักษณ์ต่อซาตาน ซึ่งนักลัทธิซาตานมองว่าเป็นภาพลักษณ์ของ

การปลดปล่อย ก่อนหน้านั้นมีลักษณะเป็นองค์กรลับๆ มาเริ่มต้นอย่างเป็นทางการใน ปี พ.ศ. 2509 ในชื่อ โบสถ์ของซาตาน ในปี พ.ศ. 2533 คาดว่ามีผู้บูชาซาตานจำนวน 50,000 คน และอาจมีมากที่สุดถึง 100,000 คนทั่วโลก[1] แบ่งได้เป็นสองประเภทคือ แบบเชื่อในพระเจ้า กับ แบบไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง
ซาตานในสวรรค์ลา วาดโดย Gustave Doré
ลัทธิซานตานแบบเชื่อในพระเจ้า แก้ไข
เป็นลัทธิซาตานแบบดั้งเดิม เน้นการบูชายัญปีศาจ การบูชาเทพลูซิเฟอร์
ลัทธิซานตานแบบไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า
ค่อนไปทาง ลัทธิอไญยนิยม โบสถ์ของซานตานจะจัดอยู่ในประเภทนี้ โดยไปมุ่งเน้นเรื่อง ความเป็นเอกบุคคล กฏธรรมชาติ อัตนิยม


รายการบล็อกของฉัน