Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

11 สิ่งที่ผู้หญิงไม่มีวันบอกคุณ


1. ความคิดสร้างสรรค์สิสำคัญ ผู้หญิงเวลาออกเดตจะไม่สนใจหรอกว่าคุณงกหรือไม่งกขอแค่อย่างเดียวว่า ให้คุณมีจิตนาการก็พอ อย่าพาเธอเข้าร้านเฉิ่ม ๆ แล้วกัน

2. เธอแต่งตัวให้คุณ เสียง วิพากษ์วิจารณ์ของเธอเกี่ยวกับตัวคุณนั้นเป็นเรื่องธรรมดามาก คุณกำลังถูกเธอประเมินอย่างต่อเนื่องว่าจะเป็นคนที่เธอสมควรพาขึ้นเตียงด้วย หรือไม่ หนึ่งในบรรดากูรูประจำตัวผู้ชายยอมรับว่า ต้องตรวจดูเล็บมือเล็บเท้าของพวกเขาผ่านกล้องขยายกันเลย ทีเดียว และทริคอีกอย่างที่จะเปลี่ยนใจเธอให้ยอมขึ้นเตียงกับคุณ หลังจากคุณไปส่งเธอที่บ้าน "มันเป็นเรื่องของอำนาจ และการคุมเกม และเขาก็ไม่ได้แสดงอะไรระหว่างที่เขาขับรถ"

3. สัมผัสที่ 6 เธอ รู้ว่าเพื่อนร่วมงานสาวคนไหนที่คุณแอบปลื้ม แม้ว่าเธอจะไม่เคยเห็นหน้าสาวๆ พวกนั้นเลยก็ตาม เธอสามารถจับน้ำเสียงของคุณเวลาพูดถึงเพื่อนสาวได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเธอถึงได้หัวเสียเวลาคุณกลับบ้านช้า หรือเวลาคุณกลัวส่งงานช้า

4. ชื่อแห่งความตาย เธอนึกอยากฆ่าผู้ชายทุกคนที่เรียกเธอว่า อีหนู อย่าได้เรียกเธออย่างนั้นเชียวล่ะ

5. เมื่อนกเขาขับ เธอ จะไม่มีวัน บอกให้คุณทำอะไรเกิน 3 ครั้ง ถ้าคุณยังไม่เอาขยะออกไปเท ยังไม่หยุดหักนิ้วตัวเอง ยังไม่ยอมละสายตาจากอกอวบๆ ของสาวเสิร์ฟ พฤติกรรมเหล่านี้ของคุณจะถูกเธอบันทึกไว้ในความทรงจำอย่างเงียบ ๆ และเธอจะแก้แค้นคุณเมื่อถึงเวลา
6. เกมนักสืบ ถ้า เธอถามคุณว่าชอบนักฟุตบอลคนไหน จริง ๆ แล้วเธอไม่ได้สนใจเรื่องพรรค์นั้นหรอก เธอเพียงแต่อยากอ่านอีเมลของคุณ และกำลังหารหัสของคุณอยู่

7. เธอเกลียดครอบครัวของคุณ เธออยากใช้วันหยุดทั้งหมดกับครอบครัวของเธอ ไม่ใช่ครอบครัวของคุณ และไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมคุณถึงรู้สึกอย่างเดียวกัน

8. ดอกไม้นรก เธอแกล้งทำเป็นชอบเวลาคุณส่งดอกไม้ไปขอโทษเธอที่ที่ทำงานของเธอ แต่ลึก ๆ แล้วเธอคิดว่ามันเป็นวิธีขอโทษที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย

9. พึ่งปฏิทิน มี รายการสั้น ๆ แต่สำคัญเกี่ยวกับสิ่งที่เธอบอกว่าไม่สนใจ แต่จริงๆ แล้วแคร์ ซึ่งมักจะประกอบด้วยการซื้อแหวนหมั้น อยากมีลูก แต่การออกไปข้างนอกในวันเกิดเธอกลับสำคัญกว่า เพราะถ้าขืนคุณลืมล่ะก็รับรองได้ว่าคุณจะได้รับบทลงโทษที่สาสมแน่ ๆ

10. เธอเป็นเจ้าแม่ เธอ แอบปิ๊งคนดังอย่างน้อย 1 คน ที่เธอไม่ยอมรับว่าปลื้ม เพราะเขาทำให้เธอนึกถึงพ่อ ถ้านิสัยการดูทีวีของเธอไม่พ้นจากครูกุ๊กอย่างเคน ธีรเดช หรือพระเอกดาวรุ่งอย่างสมาร์ทล่ะก็คุณสามารถแอบยิ้มในใจได้แล้วว่าเจ้าแม่ อย่างเธอก็มีจุดอ่อน

11. คำพูดอันตราย คำ พูดที่หยาบคายที่สุดที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะพูดออกมาได้ ก็คือ "Fine" (ดี) ลืมคำแปลภาษาไทยไปได้เลย เพราะคำนี้สำหรับผู้หญิงหมายถึง "คุณก็แค่ไอ้เบื้อกดี ๆ นี่เอง ฉันจะไม่มีวันพยายามอธิบายว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหรอก" และคำว่า Fine นี้ในภาษาอิตาเลียนหมายความว่า "จุดจบ

3 กับดักของนักช้อป


เดี๋ยวนี้สาว ๆ นิยมช้อปปิ้งกันในซูเปอร์มาร์เกต หรือดิสเคาน์สโตร์กันมากขึ้น เพราะคิดว่าประหยัดตังค์ได้มากกว่า ถ้าซื้อของทีละเยอะ ๆ ไปทีเดียว

แต่ทั้งนี้สาว ๆ อาจจะเอนจอยช้อปปิ้งกันจนไม่ทันเห็นว่า มีกับดักที่จะทำให้คุณจ่ายเพิ่มมากขึ้น กว่าที่จำเป็นแฝงอยู่ในการช้อปปิ้งแต่ละครั้งด้วย

กับดักที่ 1 : ประตูทางเข้า

ส่วนใหญ่บริเวณทางเข้าซูเปอร์มาร์เกต หรือห้างดิสเคาน์สโตร์มักจะวางสินค้าประเภทสบาย ๆ ผ่อนคลายอารมณ์ไว้บริเวณทางเข้า เช่น ภาพยนตร์ ดีวีดี โซดา น้ำอัดลม หรือไม่ก็เป็นสินค้าใหม่เอี่ยม แต่สาว ๆ อย่าเพิ่งเคลิบเคลิ้มง่าย ๆ เพราะสินค้าเหล่านี้จะทำให้จิตใจของผู้ซื้อหวั่นไหว และไขว้เขวได้ง่าย เมื่อคุณแค่ย่างก้าวเข้ามาแป๊บเดียว จนอาจลืมรายการสินค้าที่คุณจดไว้เตรียมจะซื้อไปหมด
กับดักที่ 2 : กระบะผลไม้หน้าทางเข้า

บูธผักผลไม้ที่ชอบวางไว้หน้าทางเข้าออก จากงานวิจัยพบว่า วิธีนี้จะดึงดูดความสนใจของผู้ซื้อได้ดี เพราะผู้ซื้อจะเกิดความรู้สึกว่า ฉันได้เลือกซื้อสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของฉัน เมื่อซื้อกระหน่ำกับผักผลไม้ตั้งแต่ต้น พอคุณเดินลึกเข้ามาอีกหน่อย เห็นสินค้าอื่นทีนี้ก็เป็นอันจ่ายไม่ยั้ง เพราะเกิดอาการตามใจตัวเองขึ้นแล้ว ผักผลไม้ควรซื้อตอนหลังสุด เพราะจะได้ไม่โดนกระแทกตอนอยู่ในรถเข็น

กับดักที่ 3 : ตัวอย่างสินค้าเชิญชิม

ถึงแม้คุณจะไม่ได้หิวก็ตาม แต่อาหารตัวอย่างแค่เสี้ยวที่คุณลองชิมจากบูธสินค้าอาหารนั้น จะทำให้ร่างกายของคุณเกิดปฏิกิริยาอยากอาหารขึ้นมากะทันหัน วิธีแก้ก็คือ คุณอาจจะถืออาหารที่พนักงานแจกให้ชิมฟรีนั้น ไปจนกระทั่งคุณซื้อของอื่น ๆ เสร็จแล้ว

ลองนำเคล็ดลับนี้ไปใช้ดู จะได้ประหยัดตังค์ให้กระเป๋าไปโดยปริยาย

เคล็ดลับดีๆ กับวิธีเลือกกางเกงยีนส์

1. เลือกซื้อไซส์เล็กกว่าขนาดจริง 1 เบอร์ อย่าเพิ่งคิดว่าจะฟิตเกินไป เพราะเมื่อใส่ไปสักพักเนื้อผ้าจะขยายออก 10%

2. ถ้าเจอตัวที่ถูกใจซื้อไว้เลย 2 ตัว ตัวแรกตัดให้พอดีข้อเท้า ไว้ใส่กับรองเท้าส้นแบน อีกตัวทิ้งความยาวปลายขาไว้เพื่อใส่กับรองเท้าส้นสูง

3. เลือกกางเกงยีนส์แบบซิป เพราะใส่ง่ายและแบบกับสรีระมากกว่าแบบกระดุม

4. อย่าลืมเอาเข็มขัดไปด้วย เพื่อลองกางเกงพร้อมกับเข็มขัด จะได้รู้ว่าใส่พอดีและเข้ากันดีหรือไม่
5. นำไปซักก่อนการแก้ไขใดๆ เพราะหลังจากการซักกางเกงยีนส์อาจหดตัว ทำให้ขนาดเปลี่ยนไป

6. รักษาตะเข็บที่ปลายขาไว้ การตัดขากางเกงแบบต่อปลายตะเข็บเดิมอาจแพงกว่า แต่ก็ช่วยให้กางเกงตัวเก่งของคุณสวยสมบูรณ์แบบ

7. ซักด้วยน้ำเย็นทุกครั้ง เพราะน้ำอุ่นจะทำให้กางเกงหดตัว อย่าลืมกลับด้านก่อนซักเพื่อป้องกันสีซีดจาง

8. หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม เพราะสารเคมีอาจทำลายสีของกางเกงให้ซีดจาง

9. อย่ารีดด้วยความร้อนสูง เพราะความร้อนอาจทำให้เนื้อผ้าหดตัว

10. ซักแห้งดีที่สุดเพราะช่วยให้สีของกางเกงยีนส์ยังคงเดิมอยู่เสมอ (โดยเฉพาะสีเข้ม)

คลิปประกอบเรื่องการเลือกซื้อกางเกงยิน

แมวนำโชค( "มาเนะคิ เนะโกะ")


หลากเรื่องเล่าเกี่ยวกับ แมวนำโชค หรือ มาเนะคิ เนะโกะ
เรื่องที่ 1
แมวกวักเห็นเค้าชอบวางไว้หน้าร้านค้า เพื่อที่จะเรียกลูกค้า เรียกว่า "มาเนะคิ เนะโกะ"
"มา เนะคิ" แปลว่า "เชื้อเชิญ" ส่วน "เนะโกะ" แปลว่า "แมว" มาเนะคิ เนะโกะ ก็คือ แมวที่ทำหน้าที่เชื้อเชิญ เช่น เชื้อเชิญเงินทอง เชื้อเชิญโชคลาภให้เข้ามา ซึ่งก็คือ "แมวนางกวัก" เป็นรูปปั้นแมว ยกมือ หรือเท้าหน้าขึ้นข้างหนึ่ง ถือกันว่าเป็นสิ่งที่กวักความสุขเข้ามาหาเจ้าของ มีตำนานมากมายที่เล่าถึงต้นกำเนิดของแมวนางกวัก อย่างเรื่องหนึ่งที่เล่าต่อๆ กันมาว่า ที่มาของการปั้นแมวนางกวักมาจากหญิงชรานางหนึ่ง เธอยากจนมากแต่ก็พยายามเจียดอาหารเท่าที่มีเพื่อเลี้ยงแมวแสนรัก กระทั่งวันหนึ่งเธอก็ไม่สามารถจะเลี้ยงแมวตัวนั้นได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจจะนำแมวไปปล่อย คืนนั้นก่อนนอนเธอร้องไห้ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความเสียใจแล้วเธอก็ฝันเห็นแมวมาบอกให้เธอปั้นรูปแมวด้วยดินเหนียว แล้วจะโชคดี
หญิง ชราตื่นขึ้นมาก็ปั้นแมวด้วยดินเหนียวตามที่ฝัน วันนั้นมีแขกมาและขอซื้อแมวดินเหนียวตัวนั้น ยิ่งหญิงชราปั้นแมวมากเท่าใด แขกก็เข้ามาขอซื้อมากขึ้นเท่านั้น ที่สุดเธอก็มีเงินมากพอที่จะเลี้ยงแมวที่เธอรักได้ตลอดไป เพราะแมวดินเหนียวนำโชคเหล่านั้น
"แมวนางกวัก" นอกจากจะเป็นเครื่องรางของสังคมญี่ปุ่น แต่ก็มีชาติอื่นนิยมสะสมเช่นกัน เพราะความที่มันเป็นเหมือนสัญลักษณ์ที่ใช้เรียกเงินเรียกทอง ทั้งยังเป็นเหมือนโลโก้แสดงความมีไมตรี
แต่ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า แมวนางกวักบางตัวก็ยกมือซ้าย บางตัวก็ยกมือขวา อันนี้มีความหมาย
ถ้ายกมือ "ซ้าย" เป็นการเรียกแขกเข้ามาในบ้าน ในร้าน คือ เรียกลูกค้าเข้ามาซื้อของ ยิ่งยกมือสูงเท่าไร แขกจะเข้าร้านมากขึ้นเท่านั้น
แต่ ถ้ามือ "ขวา" ถือว่า กวักเรียกเงินทอง เรียกความโชคดีเข้ามาในบ้าน นอกจากนี้เรื่องของสีก็มีความหมาย ถ้าเป็น "แมวสามสี" ยกมือซ้าย ถือว่าเป็นโชคดีที่สุด เรียกว่ากวักเงินเข้ามาชนิดที่ไหลมาเทมากันเลยทีเดียวถ้าเป็น "แมวสีดำ" สตรีญี่ปุ่นนิยมใช้เป็นเครื่องรางประจำตัว เชื่อว่าจะช่วยปกป้องภยันตรายทั้งปวง

เรื่องที่ 2
เรื่องเล่าเกี่ยวกับ มะเนะกิ เนะโกะ อยู่ว่า ในช่วงสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603-1868)
มีแมวตัวหนึ่งได้นำโชคลาภมาสู่ วัดเก่าโทรมๆวัดหนึ่งโดย
ในขณะนั้นมีอยู่วันนึง เป็นวันที่มีพายุฝนตกอย่างหนัก เจ้าแมวก็ได้ กวักขาหน้าของมัน เพื่อเรียกคนที่ผ่านไปมา ให้เข้ามาหลบฝนในวัด ซึ่งหนึ่งในผู้ที่ แมวกวักเรียกเพื่อเชื้อเชิญให้เข้ามาหลบพายุนั้น ก็มีเจ้าผู้ครองแคว้นฮิโคเนะ รวมอยู่ด้วย ภายหลังต่อมา ท่านเจ้าผู้ครองแคว้นก็ได้กลายเป็นผู้อุปถัมภ์
วัดนั้นจนกลายเป็นวัด ที่มีความเจริญ จึงถือได้ว่า แมวตัวนั้นเป็นแมวที่นำพาโชคและความเจริญรุ่งเรืองมาสู่วัดครับในประเทศ ญี่ปุ่นนะครับ ในวันขึ้นปีใหม่ ของทุกปีประชาชนก็จะพากันไปกราบไหว้ สักการะ พระพุทธรูป ตามวัด และ ศาลเจ้าต่างๆเพื่อความเป็นสิริมงคล ทางวัด และ ศาลเจ้านั้น เค้าก็จะแจก
ตุ๊กตาแมวกวักตัวเล็กๆนี้มาด้วยครับ เพื่อเป็นเครื่องรางนำโชค

เรื่องที่ 3
แมวกวัก "มาเนกิ เนโกะ"
คนญี่ปุ่นเชื่อว่ามีขุนนางท่านหนึ่งในเมืองโตเกียวเดินทางกลับจากราชการ
ได้เกิดฝนตกหนักจึงได้พักหลบที่ต้นไม้ใหญ่ในอารามเก่าขณะหลบฝนอยู่เห็นแมวตัวหนึ่ง
กวักมือเรียก จึงตัดสินใจผละออกจากต้นไม้และในทันใดนั้น ฟ้าก็ผ่าลงมา กลางต้นไม้ทันที
นับแต่นั้นมาท่านขุนนางก็เป็นผู้อุปถัมภ์อารามนั้นอย่างดี ต่อมาวัดแห่งนั้น
ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "โกอุโตกุจิ" ในปัจจุบันซึ่งคนญี่ปุ่นก็เชื่อว่า "มาเนกิ เนโกะ" สามสีมีไว้
ครอบครองแล้ว จะนำพาโชคลาภมาให้เพราะแมวสามสีจะเป็นตัวผู้และหาได้ยากมาก
แต่ก็ไม่ได้แสดงหลักฐานแน่ชัด แต่ที่แน่ๆ คนไทยหลายคนได้รับอารยธรรม
ความเชื่อในเรื่องนี้ สังเกตได้จากตามร้านค้าต่าง ๆ ที่ตั้ง "มาเนกิ เนโกะ" เสมือนนางกวัก
ช่วยกวักโชคลาภและเงินทองเข้าร้าน นอกจากนี้ "มาเนกิ เนโกะ" ยังถูกนำไปเป็นพวงกุญแจ
กระดิ่ง ประดับคู่กระเป๋าสะพาย หรือโทรศัพท์มือถือ ของบรรดานักศึกษาสาว ๆ ซึ่งเป็นแมวกวัก
มือขวาเชื่อกันว่า ช่วยหาคู่ให้ แต่จะได้ผลแค่ไหนต้องลองพิสูจน์เองนะคะ
แมว "มาเนกิ เนโกะ" มี 2 อิริยาบถ แบบที่ยกอุ้งเท้าซ้านและแบบที่ยกอุ้งเท้าขวา
ตามความเชื่อแมวที่ยกข้างซ้ายจะเป็นการเรียกลูกค้าเข้าร้าน ส่วนแมวที่ยกข้างขวา จะหมายถึง
เรียกเงินเรียกทองไหลเข้าบ้าน.


เรื่องที่ 4
นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นมากมาย โดยเฉพาะร้านอาหารภัตตาคาร ร้านค้า หรืออื่นๆ เกือบทุกร้านจะมี แมวนำโชค รูปแบบของแมวนำโชคเป็นแมวที่มีขาหน้าอย่างน้อยหนึ่งข้างยกขึ้นกวักโดยทั่วไป เป็นแมวสีขาวใส่ปลอกคอมีกระดิ่งเป็นสัญลักษณ์ในร้านอาหารจีนแมวนำโชคจะกวัก ให้ผู้คนเข้าไปในร้านหรือให้ความโชคดีเข้ามา แมวนำโชคได้มีการกล่าวขวัญถึงในหลายศตวรรต ในหลายเรื่องที่กล่าวถึงโดยทั้งหมดว่ามาจากวัดเก่า เป็นไม้ : ได้มีนักเดินทางคนหนึ่งหลบพายุใกล้กับต้นไม้ ได้มีแมวตัวหนึ่งปรากฏขึ้น แสดงอาการให้นักเดินทางตามไปจนหลบจากพายุเข้าไปในวัดขณะที่นักเดินทางเดิน ตามไปได้เกิดเป็นช่องแสงสว่าง ด้วยเพราะว่าแมวได้ช่วยชีวิตเขา เขาและครอบครัวเขาได้มาที่วัดแล้วนำแผ่นไม้รูปแมวกลับไปบูชา บางคนเชื่อว่าแมวนำโชคจะนำเหรียญทองมาจากสวรรค์เมื่อมีการบูชาหลายแหล่ง เชื่อว่าอุ้งมือของแมวเป็นสัญลักษณ์ แห่งความโชคดีแต่จะไม่เหมาะกับบ่อนการพนันแมวนำโชคอาจยกเท้าซ้ายหรือขวาก็ ได้ มีความเชื่อว่า ถ้าแมวนำโชคยกเท้าซ้ายจะเป็นการเรียกผู้คน(ลูกค้า) ถ้ายกเท้าขวาจะเป็นการเรียกเงินทองหรือความโชคดี บางคนก็ว่ากลับกันหากคุณต้องการแมวนำโชคไว้ที่ทำงานหรือร้านของคุณหรือที่ ประกอบธุรกิจหรือบ้านเพื่อความโชคดีควรวางไว้ใกล้ประตูหน้าร้านค้ากล่าวกัน ว่าจะนำลูกค้าใหม่ๆมาให้

ความหมายของ ของขวัญ

ของขวัญ คือ สิ่งของที่ให้แก่เจ้าของขวัญเมื่อเสร็จพิธีทำขวัญ แล้ว หรือสิ่งของที่ให้กันในเวลาอื่นเป็นการถนอมขวัญ หรือเพื่ออัธยาศัยไมตรี เช่น ของขวัญปีใหม่ ของขวัญวันเกิด (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2525 : 134)

*คือ สิ่งของที่นำไปให้แก่ ผู้ที่รักและนับถือ
*ของไหว้ คือ ของที่ผู้น้อยนำไปให้ผู้ใหญ่ เพื่อแสดงความคารวะในบางโอกาส หรือเครื่องเซ่น
*ของชำร่วย คือ ของตอบแทนผู้มาช่วยงาน เช่น งานแต่งงานและงานศพ

ของขวัญ จึงหมายรวมถึงสิ่ง ของที่ให้กันในเวลาต่างๆ เพื่ออัธยาศัยไมตรี สิ่งของที่นำไปให้แก่ผู้ที่รักและนับถือ ของที่ผู้น้อยนำไปให้ผู้ใหญ่ เพื่อแสดงความคารวะในบางโอกาส เช่น ของขวัญปีใหม่ ของขวัญวันเกิด ของขวัญในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ ของขวัญวันเกษียณอายุราชการ เป็นต้น
เมื่อ ผู้ได้รับของขวัญ หรือของกำนัล หรือของไหว้แล้วจะมีของตอบแทนให้ผู้มาช่วยงานหรือผู้นำมามอบให้ เรียกว่า ของขวัญตอบแทนหรือ ของชำร่วย เช่น งานแต่งงาน งานศพ งานเกษียนอายุราชการ วันปีใหม่ งานวันเกิด วันจัดงานรับตำแหน่งใหม่ เป็นต้น

สื่อความหมายของ " ของขวัญ "
ของขวัญแต่ละชนิดที่เรานำมาให้กันและกัน หรือแลกเปลี่ยนกันตามเทศกาลต่างๆ ดังกล่าวล้วนมีความหมายแตกต่างกันไปในตัวของมัน

*ของขวัญ บอกอะไร*
ตุ๊กตา เป็นของขวัญยอดนิยม ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตารูปคน สัตว์ หรือสิ่งของต่าง ๆ
สื่อความหมายถึงความรักที่ปนมากับความเอ็นดูและอบอุ่นอ่อนโยน
ถ้าคุณเป็นผู้ให้ แสดงว่าคุณเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี ขี้อ้อนนิดๆ ใจดีมีเมตตา น้ำใจดี อ่อนโยน
อ่อนหวาน (เปรียบเหมือนคุณเล่นบทคุณแม่ที่ดูแลลูก) ช่างฝันและอ่อนไหว
ถ้าคุณเป็นผู้รับ แสดงว่าคุณจะรู้สึกว่ามีคนรักและห่วงใย เมื่อใดคุณมีความทุกข์ ความไม่สบายใจคนให้จะมาปลอบโยนคุณเสมอ

ดอกไม้ เป็นการแสดงถึงความรู้สึกที่หวานซึ้งและร้อนแรง ต่างกับต้นไม้ตรงที่สวยอยู่ไม่ทนก็ร่วงโรยจะบอกถึงอารมณ์ที่วูบวาบ อ่อนไหวแบบสายฟ้าฟาด
ถ้าคุณเป็นผู้ให้ แสดงว่าคุณเป็นคนชอบเรื่องรักใคร่ โรแมนติก อารมณ์วูบวาบ อ่อนไหวง่ายอาจตกหลุมรักง่ายและหน่ายเร็ว ขยันและ Active รสนิยมดี เข้าสังคมเก่ง ใจร้อน ดอกไม้ที่ให้หมายถึง ความรู้สึกรักร้อยเปอร์เซนต์ไม่มีตกหล่นเป็นความรู้สึกดีๆ ที่มีอยู่เต็มล้น
ถ้าคุณเป็นผู้รับ แสดงว่าคนให้มีความรู้สึกดีๆ ที่จะให้เต็มปรี่ สุดแล้วแต่ผู้รับจะคิดอย่างไรก็ได้ไม่หวังได้รับสิ่งตอบแทน คุณเป็นคนพิเศษสำหรับผู้ให้เสมอ

ต้นไม้ เป็นความสัมพันธ์ระหว่างคุณและผู้รับเพื่อแตกหน่อเติมใบต่อไป
ถ้าคุณเป็นผู้ให้ แสดงว่าคุณเป็นคนสุภาพ อ่อนโยน ติดดิน รักธรรมชาติ คุณอยากเป็นคนดูแล เอาใจ อ่อนน้อม โรแมนติค เรียบร้อย จริงจังและทุ่มเทมาก
ถ้าคุณเป็นผู้รับ แสดงว่า คุณจะรู้ถึงความรู้สึกจริงใจมั่นคง และอยากให้ความสัมพันธ์นั้นเติบโต งอกงามเหมือนต้นไม้ ผู้ให้พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อคุณ ผู้ให้จะเป็นคนหัวโบราณ จริงจัง มั่นคง อบอุ่น น่ารักแม้จะจืดไปนิดๆ

ดนตรี ไม่ว่าจะเป็นเทปเพลง แผ่น CD เครื่องดนตรีทั้งหลาย หมายถึง จิตใจที่อยากส่งมาให้
ถ้าคุณเป็นผู้ให้ หมายความว่า คุณอยากให้ผู้รับ รู้สึกถึงความรู้สึกในจิตใจ ที่ไม่อาจบอกได้
แต่เป็นความรู้สึกที่แสนดี โรแมนติค หวานแหวว แถมขี้อายนิดๆ
ถ้าคุณเป็นผู้รับ เทปเพลง หรือแผ่น CD ที่เป็นเพลงรักแสดงว่าคุณกำลังถูกบอกรัก และผู้ให้เป็นคนน่ารักอบอุ่น Sensitive อ่อนโยน ช่างฝันและกำลังรอคำตอบอยู่ด้วย

เสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระโปรง กางเกง แสดงให้รู้ถึงความรู้สึก แสนพิเศษที่ลึกลงไป
ถ้าคุณเป็นผู้ให้ แสดง ว่าคุณต้องการดูแลและห่วงใยคนที่คุณให้ด้วยความรู้สึกที่ไม่ธรรมดา
คุณมีความรู้สึกลึกซึ้งเอามาก ๆ คนที่ให้เสื้อผ้า ยังเป็นคนที่ทันสมัย ตามโลกคล่องแคล่ว
สะอาดรักสวยรักงาม
ถ้าคุณเป็นผู้รับ แสดงว่าคนที่ให้คุณอยากบอกว่าเขามีความรัก ความห่วงใยอย่างล้นหลาม และต้องการจับจองเป็นเจ้าของอีกด้วย
ถ้าเป็นชุดชั้นในหรือชุดนอน แปลว่า นอกจากจะรักและห่วงใยแล้ว
ยังอยากเป็นเจ้าของทั้งตัวและหัวใจ

ภาพถ่าย - กล้องถ่ายรูปรวมทั้งโปสการ์ด เป็นการบอกถึงความรู้สึกที่ห่างกันแล้วนะ
ถ้าคุณเป็นผู้ให้ แสดง ว่าคุณอยากให้เขาคิดถึงคุณเสมอกลัวว่าเขาจะลืมคุณ และอยากให้ส่งรูปถ่ายมาให้ มีอาการน้อยใจลึกๆ คนที่ให้ยังเป็นคนชอบเดินทางท่องเที่ยวรักการผจญภัย กล้าเสี่ยง
และมีอารมณ์ขัน ไม่อยู่ในระเบียบ รักอิสระเหนือสิ่งอื่นใด
ถ้าคุณเป็นผู้รับ แสดงว่าผู้ให้รักและคิดถึงมากๆ อยากอยู่ใกล้ชิดคล้ายเป็นภาพแทนใจ หรือบอกว่าคุณเป็นคนเข้าถึงยาก อยากให้เปิดใจกว้างมากกว่านี้

*เครื่องกีฬา แสดงว่าเขาต้องการให้คุณฝึกฝนกีฬาต่อไป

*หนังสือ แสดงถึง ความหมายของหัวใจและความรักความหวังดี ที่มีต่อกัน

*กุหลาบแดง แสดงถึงเครื่องหมายของหัวใจแทนความรักความหวังดีที่มีต่อกัน

*ขนมหวานรวมทั้งทอฟฟี่หรือช็อกโกแลต แสดงว่าคุณชอบกินและเขาอยากให้คุณได้กินของถูกใจ (อย่าตีความว่าเขาอยากให้อ้วนล่ะ)

*สายสร้อย (ข้อมือหรือข้อเท้า) เป็นเครื่องหมายของความผูกพันทำนอง "โซ่ทองคล้องใจ"


เลือกของขวัญให้ถูกใจผู้รับอย่างไร ถ้าผู้รับเป็นผู้ชาย

*ผู้ชายเท่สมาร์ท ของขวัญที่ให้ควรเป็น ปากกาหมึกซึมเก๋ๆ เรียบๆ

*ผู้ชายเงียบขรึม ของขวัญควรเป็นเนคไท หรือเข็มขัดสวยๆ

*ผู้ชายเจ้าชู้ ของขวัญควรเป็นเข็มกลัดเนคไทเก๋ๆ หรือ กระเป๋าสตางค์ หรือแหวน

*ผู้ชายขี้เล่น/เจ้าอารมณ์ ของขวัญควรเป็นนาฬิกา หรือ แว่นกันแดด

*ผู้ชายที่มีเสน่ห์/กะล่อน ของขวัญควรเป็นน้ำหอมอ่อนๆ

*ถ้าผู้รับเป็นเพื่อน ของขวัญที่ให้ควรเป็นหลากหลายรูปแบบ เช่น
ของใช้ประจำวัน แสดงว่าคุณเป็นคนไม่ค่อยเปิดเผย และหมกมุ่นกับสิ่งหนึ่งสิ่งใด
ของที่คุณชอบ แสดงว่าคุณจะถือตัวเองเป็นศูนย์กลางในการคบหาคนอื่น
ของที่เพื่อนอยากได้ แสดงว่าคุณคำนึงถึงจุดยืนของผู้อื่นเสมอและต้องการให้คนอื่นยอมรับ
ของทันสมัย แสดงว่า คุณสนใจเหตุการณ์แวดล้อมรอบตัวมากกว่าตนเองและคนอื่น
ของที่ทำขึ้นเอง แสดงว่าคุณมีแนวโน้มที่จะทำอะไรเกินตัวแต่ทั่วไปแล้วคุณให้ความสำคัญกับเพื่อนอย่างมาก

คุณสมบัติของผู้ที่ต้องการทำเลสิค

เมื่อดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ... แล้วใครเล่าจะอยากมีอะไรมาบดบังดวงตา...

ไม่แปลก... หากการทำเลสิค นวัตกรรมใหม่ในการรักษาสายตา จะผงาดขึ้นครองค่าความนิยมในเวลาอันรวดเร็ว เพราะหนุ่ม - สาวยุคนี้ คงไม่ยอมให้มีอะไรมาบดบังดวงตาอันแสนสดใสเป็นแน่ ไม่ว่าจะเป็นแว่นตาหนาเตอะ หรือต้องคอยใส่คอนแทคเลนส์อยู่ตลอดเวลา

แต่... รู้หรือไม่ว่า การทำเลสิค ไม่สามารถทำได้กับทุกคน เพราะผู้ที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้เท่านั้น ที่สามารถทำได้...


*ผู้ที่มีสายตาผิดปกติ สั้น ยาว หรือเอียง ตั้งแต่กำเนิด

*มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป

*มีปัญหาในการใส่แว่นตา

*มีปัญหาในการใส่คอนแทคเลนส์ หรือแพ้น้ำยาล้างเลนส์

*มีสายตาคงที่แล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี

*ไม่มีโรคตาชนิดอื่นร่วมด้วย เช่น ต้อหิน ต้อกระจก หรือตาแห้งอย่างรุนแรง

*ไม่เป็นโรคเบาหวาน และโรค SLE (โรคแพ้ภูมิตัวเอง)

*ไม่ตั้งครรภ์ หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร

อย่างไรก็ตาม แม้การทำเลสิคจะสามารถแก้ไขปัญหาสายตาที่ผิดปกติได้อย่างถาวร แต่ก็มีข้อดี - ข้อเสียที่คุณควรปรึกษาจักษุแพทย์ให้ดีเสียก่อนตัดสินใจทำ เพื่อความปลอดภัยและมีหน้าต่างของหัวใจที่สวยงามสดใสต่อไป

8 วินัยใหม่ เพิ่มเงินเก็บทั้งปี

คนที่มี ฐานะมั่นคงไม่ได้หมายความว่าเป็นคนหาเงินได้เยอะ แต่กลับเป็นคนที่มีวินัยในการเก็บเงิน และไม่เสียเงินไปกับเรื่องจุกจิกจนทำให้เงินเก็บสูญไป ปีใหม่นี้ตั้งต้นเก็บเงินกันใหม่ดีกว่า......

1. เคลียร์ให้จบสิ้นก่อน เป็นกฎทองของการเก็บเงินที่คุณควรจะเคลียร์หนี้สินที่ติดไว้กับบัตรเครดิต ให้จบลงเสียก่อน เพราะแม้ว่าเครดิตการ์ดจะเป็นช่องทางจ่ายเงินที่สะดวกสบาย แต่ถ้าบิลที่เรียกเก็บทำให้การเงินของคุณไม่สมดุลกันระหว่างเดือน รับรองว่าคุณจะไม่มีเงินเหลือเก็บแน่นอน ทางแก้ก็คือ ค่อยๆ ผ่อนชำระหรือหาเงินกู้ที่มีดอกเบี้ยถูกกว่า โปะทับไปก่อนที่ดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะบานเป็นดอกเห็ด

2. ทำช้อปปิ้งลิสต์ คงไม่มีสาวคนไหนจะมานั่งทำช้อปปิ้งลิสต์เวลาไปซื้อของ แต่คุณรู้ไหมว่าลิสต์นี้จะทำให้คุณประหยัดได้มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเวลาในการ ช้อปปิ้ง การซื้อของตรงวัตถุประสงค์ และกำหนดเงินในกระเป๋าได้ว่าจะต้องใช้จ่ายเท่าไรบ้างในการซื้อของครั้งนี้ จะได้งดซื้อของที่ไม่จำเป็นออกไป รวมทั้งกำหนดเลยว่าในหนึ่งเดือนจะต้องออกไปซื้อของกี่ครั้ง จะได้ประหยัดค่ารถไปในตัว

3. อย่าติดชื่อแบรนด์ แม้คนดังจะใส่เสื้อผ้าแพงระยับอย่างไร แต่คุณไม่จำเป็นจะต้องซื้อแบรนด์ดังๆ อย่างพวกเขาก็ได้ เพียงคุณดูแฟชั่น และแต่งตัวให้เป็นก็เพียงพอแล้ว อย่าไปเสียเงินให้แบรนด์ต่างๆ จะต้องมานั่งกลุ้มใจเอง

4. ใช้พรสรรค์สร้างเงิน ไม่ว่าคุณมีพรสวรรค์ทางด้านไหน ก็สามารถขุดขึ้นมาทำเงินได้แน่นอน บางคนนิยมถักตุ๊กตา ทำอาหาร ทำบล็อกเว็บไซต์ รับสอนหนังสือ และอื่นๆ อีกมากมาย คุณควรนำความสามารถเหล่านี้มาเป็นจุดขายในการสร้างเงิน เพิ่มรายได้พิเศษได้เดือนละหลายพันบาททีเดียว

5. ทำของใช้เองบ้าง ไม่ต้องเสียเงินทองไปซื้อของ ลองใช้วิธี Do lf Your self ลองประดิษฐ์ของใช้ในบ้านเอา เช่น แท่นวางของ อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน นอกจากจะได้โชว์ฝีมือแล้ว ยังไม่เปลืองเงินอีกด้วย

6. วางแผนการท่องเที่ยว คุณทราบไหมว่า ถ้าจองตั๋วเครื่องบินหรือที่พักก่อนเทศกาลท่องเที่ยว ราคาจะถูกมากกว่าถึง 30% ให้คุณแพลนกิจกรรมท่องเที่ยวเอาไว้ทั้งปี และฉลาดในการจัดทริป เพราะเงินจะเหลือจนคุณช้อปปิ้งซื้อของฝากได้สบายๆ หรือพยายามหาตั๋วที่มีส่วนลด ราคาจะได้ไม่บานปลายเหมือนปีที่ผ่านมา

7. หัดปฏิเสธเสียบ้าง สาวสังคมทั้งหลายยิ่งช่วงปีใหม่ เรื่องกินเรื่องเที่ยวกระหน่ำเข้ามาแทบทุกวัน หัดปฏิเสธและเลือกไปเฉพาะบางงาน เพราะคุณต้องเสียค่าดริ๊งก์ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ฯลฯ รวมแล้วนำมาเป็นเงินเก็บหรือใช้หนี้ได้อย่างสบายๆ

8. ฉลาดเป็นสมาชิก คุณเคยนับยอดไหมว่าเดือนหนึ่งคุณจะต้องเสียค่าสมาชิกยิม เคเบิลทีวี อินเทอร์เน็ตไร้สาย ฯลฯ เป็นจำนวนเท่าไร ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดภาระรายจ่ายจุดนี้ลงบ้าง เพราะคุณสามารถออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมแนวเดียวกันโดยเสียเงินน้อยกว่าได้

วาเลนไทน์ไม่เหงา 6 วิธีหาความสุขประสาสาวโสด

วาเลนไทน์ไม่เหงา 6 วิธีหาความสุขประสาสาวโสด 

        เทศกาลแห่งความหวาน "วันวาเลนไทน์" คนโสดหัวใจไร้รัก บางคนอาจจะเหงา อาจจะอิจฉา หรืออยากมีคนรักมาใกล้ชิดให้หายเหงาในวันแห่งความรัก

         ก็อาจจะใช่สำหรับสาวๆ บางคน แต่เชื่อเหลือเกินว่ามันไม่ใช่ในความคิดของอีกหลายๆ สาว ยิ่งสาวๆ ยุคใหม่ไม่นิยมนั่งจับเจ่าให้หัวใจเฉา พวกเธอกลับคิดบวกว่าการเป็นโสด การไม่มีใครควงในวันวาเลนไทน์กลับเป็นสิ่งดีเสียอีก

         อย่างสาวสวยที่หนุ่มๆ หลายคนหมายตา นางสาวคริมา ตันตกิตติ์ หรือ "ผึ้ง" วัย 30 ปี ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจโรงแรมมณเฑียร สาวสวยที่ครองโสดมากว่า 4 ปี แม้จะไร้คนเคียงข้าง แต่เธอก็ไม่ได้ต้องการหรือโหยหาความรักแบบชู้สาวเพื่อให้หลุดคำว่า "โสด"

         "ไม่มีคู่ แต่ไม่เคยรู้สึกเหงาเลย อาจจะโชคดีที่เป็นคนชอบทำกิจกรรม ชอบทำอะไรหลายอย่าง แถมยังรู้สึกว่าต้องการเวลามากกว่า 24 ชั่วโมงด้วยซ้ำ จึงไม่รู้สึกโหยหาความรักแบบชู้สาว ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย เคยคิดอยากมีแฟน อยากมีความรักเหมือนกัน เป็นความรู้สึกช่วงหนึ่งของวัยรุ่น แต่พอเข้าสู่วัยทำงานได้เข้าโครงการมณเฑียรธรรมะ ทำให้รู้ว่าชีวิตเราไม่จำเป็นต้องมีความรักแบบผู้หญิงผู้ชาย ขอให้เข้าใจชีวิต และไม่จำเป็นต้องโหยหาความรัก เพราะมันไม่สำคัญขนาดนั้น ยังมีความรักแบบอื่นที่ทำให้เรามีความสุขได้"

"โสด" แต่มีความสุข ฉบับคริมานั้น เธอแนะไว้ว่า

         1. อย่าตอกย้ำตัวเองว่าเหงา เพราะยิ่งคิดจะยิ่งเหงา

         2. เวลาเหงาอย่าคิดขวนขวายมีคู่ ถ้าไม่เจอจะเจ็บเอง

         3. อย่าอิจฉาคนมีคู่ ให้คิดว่าเราก็มีคู่ คู่พ่อแม่ คู่เพื่อน คู่พี่น้อง

         4. เห็นคนอื่นจูงมือกัน ต่อมอิจฉากำเริบ สลัดความคิด แล้วไปจูงมือเพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ ช็อปปิ้ง เดินดูของให้หนำใจแทน

         5. ที่สำคัญทำชีวิตให้สดใส ดูแลตัวเอง แม้หน้าตาเป็นด่านแรก แต่สุดท้าย คือ นิสัยใจคอ ขอให้คิดบวก

         6. หากฟุ้งซ่าน ลองหันหน้าเข้าธรรมะ จิตใจจะได้สงบขึ้น

         "ผู้หญิงโสดไม่ได้แปลว่าไม่มีอะไรดี ให้คิดว่าฉันดี แต่ฉันเลือกได้เท่านั้นเอง ทำตัวเองให้มีความสุขเข้าไว้ แล้วจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น"


คริมาทิ้งท้ายว่า หากได้ลองทำจะรู้สึกไม่เหงา แถมชีวิตมีความสุขด้วย

         อีกหนึ่งสาว ทั้งสวยทั้งเก่ง "เหมียง" วิมลภัทร์ ตุงคนาค เจ้าหน้าที่นิเทศสัมพันธ์ ที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระองค์ วัย 33 ปี บอกว่า ครองโสดอยู่ 2 ปีกว่า แต่ไม่เคยรู้สึกเหงา คิดว่าการครองโสดเป็นชีวิตอีกแบบ เป็นเรื่องธรรมชาติ แถมยังได้ใช้ชีวิตเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด สามารถแบ่งเวลาให้งาน ให้ครอบครัว ได้ไปต่างจังหวัด รู้สึกว่าการใช้ชีวิตมีประโยชน์มากขึ้น

ถึง "โสด" แต่ก็มีความสุขอย่างสาวเหมียงนั้น 
เธอบอกว่า

         1.อันดับแรก อย่าคิดขวนขวายมีความรัก ขอให้เชื่อในความมั่นใจของตัวเองว่าเรามีงานทำ มีการศึกษา มีเพื่อน มีครอบครัวที่รัก

         2. เหงานักไปกินข้าวกับเพื่อน ไปเสริมสวย ไปช็อปปิ้ง ซื้อของให้ตัวเอง เป็นรางวัลชีวิต

         3. อย่าเครียด อย่ากังวล เพราะมีผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต ยิ่งทำให้แย่มากกว่าเดิม

         4. เริ่มต้นใช้ชีวิตแบบใหม่ เปลี่ยนเสื้อผ้า จัดโต๊ะทำงานใหม่ หาความสุขให้ตัวเอง

        5.ให้คิดว่าเรามีคนรักอยู่รอบตัว จากเพื่อน ครอบครัว คนใกล้ชิด ซื้อของให้เพื่อน ครอบครัวแทน

         สุดท้าย ทำตัวเองให้มีความสุขทุกวัน ยิ้มรับกับวันใหม่ๆ สลัดเรื่องเก่าๆ ทิ้งให้หมด และทำตัวให้สดใสมากกว่าเดิม คิดบวกเข้าไว้

        แม้คำว่า "โสด" จะ ดูเหมือนเป็นตราติดตัวที่ทำให้หดหู่ใจสำหรับใครบางคน แต่ถ้าเราเชื่อมั่นในตัวเอง มองโลกในแง่ดี ก็สามารถใช้ชีวิตโสดได้อย่างมีความสุขได้เช่นกัน

8 วิธีสร้างความสุขให้ตัวเอง


                 ความสุขเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็อยากจะได้อยากจะมี แต่ความหมายของความสุขของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ความสุขของนักเรียนคือความรู้สึกตอนสอบไล่เสร็จ ความสุขของครูอาจจะเป็นตอนเปิดเทอมกวดวิชา ความสุขของชาวพุทธหมายถึงภาวะที่ปราศจากทุกข์ หรือนิพพาน แต่ความสุขในทัศนะของนักจิตวิทยาคืออะไร

                 สมัยก่อนนักจิตวิทยาสนใจศึกษาแต่เรื่องเซ็งๆ เช่น โรควิตกกังวล ความซึมเศร้า โรคประสาท ความย้ำคิดย้ำทำ ความระแวง ความหลงผิด ฯลฯ ปัจจุบันนี้นักจิตวิทยาหันมาสนใจศึกษาเรื่องความสุขกันมากขึ้น มีการศึกษาเรื่องความสุขอย่างเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น ทำให้เกิดความรู้เรื่องความสุขในแง่จิตวิทยามากขึ้น

                 คนทั่วไปอาจจะว่าความร่ำรวยเงินทองจะทำให้เรามีความสุข แต่เขาได้ทำการศึกษาพบว่า เมื่อเรามีเงินพอเพียงที่จะซื้อหาสิ่งที่จำเป็นหรือสิ่งที่เราชอบ เราอยาก เราใคร่ได้ครบแล้ว เงินที่เพิ่มขึ้นจะไม่ช่วยให้เราเกิดความพอใจมากขึ้นเลย

                 การศึกษาดีทำให้เรามีความสุขไหม เขาพบว่าไม่ได้ช่วยให้เรามีความสุข เราอาจจะสุขใจตอนที่สอบได้ปริญญา แต่หลังจากนั้นมันไม่เป็นปัจจัยให้เกิดความสุข แม้กระทั่งไอคิวก็ไม่ได้ช่วย อาจจะรู้มากยากนานเสียอีก คนรุ่นพ่อแม่เราอาจจะไม่ได้เล่าเรียนสูง แต่ก็ไม่ได้มีความสุขน้อยกว่าเรา คนที่ไม่ได้เรียนจบปริญญาแต่มีปัญญา กลายเป็นมหาเศรษฐีหรือบุคคลสำคัญที่มีความสุขก็มีมากมาย

                 บางคนอาจจะคิดว่าความหนุ่มความสาวจะทำให้มีความสุขมากกว่าความชรา แต่คำตอบคือไม่ใช่ จากการศึกษาเขาพบว่า โดยทั่วๆ ไปคนชรามีความพึงพอใจกับชีวิตมากกว่าคนหนุ่มสาว และมีอารมณ์เศร้าน้อยกว่า มีข้อมูลว่า คนช่วงอายุ 30 - 50 ปี มีความสุขน้อยกว่าช่วงอื่นของชีวิต อาจจะเป็นเพราะว่าคนช่วงอายุนี้ต้องมีความรับผิดชอบมาก เช่น ต้องขับรถรับส่งลูกลุยจราจรจราจลไปโรงเรียนที่อยู่คนละฝั่งฟากฟ้าของบางกอก ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ

                 ชีวิตสมรสเป็นเรื่องซับซ้อน แต่โดยทั่วๆ ไป คนที่มีครอบครัวจะมีจะมีความสุขมากกว่าคนโสด นักจิตวิทยากล่าวว่า ความสุขอาจจะไม่ได้เกิดจากคู่ตุนาหงัน แต่อาจจะเป็นเพราะว่าคนที่แต่งงานเป็นคนที่มีธรรมชาติโน้มเอียงไปทางชอบเข้าสังคม มีมนุษยสัมพันธ์ดี ไม่เคร่งเครียด ไม่เจ้าระเบียบอย่างคนโสด

                 บางคนอาจจะคิดว่าได้ดูทีวีมากๆ อาจจะสุขใจมากกว่า แต่จากการศึกษาของเขาพบว่าคนที่ดูทีวีมากๆ วันละหลายชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งดูละครเรื่องยาว ไม่ได้มีความสุขมากกว่าคนที่ไม่ได้ดูหรือดูน้อยกว่า

                 แล้วเรื่องศาสนาล่ะ? เขาพบว่าคนที่เข้าโบสถ์บ่อย เคร่งศาสนามีความสุขมากกว่าคนที่ไม่สนใจเรื่องศาสนา การที่เป็นอย่างนั้นเขาไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะพระผู้เป็นเจ้าอำนวยความสุขให้ หรือเป็นเพราะสังคมชาวโบสถ์ทำให้หายเครียด เมืองไทยอาจจะยังไม่มีใครทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องความสุขใจของคนไปวัด แต่เท่าที่พบเห็น คนไปวัดส่วนมากมีความรุ่มร้อนใจน้อยกว่า เพราะมีเวลาได้นั่งนิ่งๆ ทำใจสงบ สวดมนต์ไหว้พระ แผ่เมตตา สมาทานศีล ทำให้เกิดความปกติสุข(แม้จะทำได้ชั่วคราว)

                 เพื่อนที่ดีทำให้เรามีความสุขมากเป็นอันดับต้นๆ จากการศึกษาในปี ค.ศ.2002 ที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ยืนยันว่า การมีเพื่อนที่ดีหรือมีครอบครัวที่อบอุ่นทำให้เรามีความสุขมาก เข้ากันได้กับมงคลชีวิตที่พระพุทธเจ้าสอนไว้

                 การดื่มเหล้าทำให้มีความสุขหรือเปล่า สำหรับหลายคนที่ไม่ใช่คอเหล้า การดื่มเหล้าทำให้หมดความปกติสุข(ศีล) เกิดความทุกข์ ซึมเศร้า หาวนอน แต่จากการศึกษาของนักจิตวิทยาชาวตะวันตกพบว่า คนที่ดื่มแอลกอฮอล์วันละแก้วสองแก้วมีความสุขมากกว่าคนที่ไม่ดื่มเหล้า

                 แล้วความสุขคืออะไร? ในทัศนะของนักจิตวิทยาอย่าง ศาสตราจารย์ทางด้านความสุขวิทยา รัทท์ แวนโฮเวน แห่งมหาวิทยาลัยอีราสมัส ที่รอทเทอร์ดาม ระบุว่า ความสุขคือ “ความพอใจในชีวิตความเป็นอยู่ของเรา” ลองคิดดูสิบางคนอาจจะอยู่บ้านหลังละหลายสิบล้าน มีสระว่ายน้ำ อ่างอาบน้ำพร้อมจากูซี มีเครื่องน้ำพุฉีดพุ่งขึ้นล้างก้น ห้องครัว ห้องน้ำห้องนอน ปูด้วยหินอ่อนทั้งหลัง มีทีวีจอยักษ์ มีรถยนต์ราคาแพงยี่ห้อดังหลายคัน แต่ก็ยังไม่มีความพอใจ ยังมีความอยากมี อยากเป็น อยากดังมากขึ้นๆ รุ่มร้อนใจไม่หยุด

นักจิตวิทยาแบบตะวันตกเขาแนะนำวิธีเพิ่มความสุขไว้ 8 ขั้นตอน

                 1. คิดถึงเรื่องดีๆ ที่เรามีอยู่ ที่ฝรั่งเรียกว่า count your blessings เช่น เรามีแขนขาครบถ้วน ตาดี ไม่พิการ ฯลฯ เราดีกว่าคนอื่นอีกหลายคน ไม่ควรจะมานั่งซึมเศร้า และให้หัดเขียนบันทึกประจำวันถึงเรื่องที่เรารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ อยากจะขอบคุณเพื่อนหรือคนที่มีพระคุณต่อเราสัก 4-5 เรื่อง สัปดาห์ละครั้ง

                 2. แสดงความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ เช่น ช่วยคนชราข้ามถนน ช่วยซื้อพวงมาลัยจากเด็กตามถนน ให้ทิปแก่เด็กเสิร์ฟ เด็กปั๊ม บริจาคเงินช่วยเหยื่อสึนามิ การแสดงความเมตตากรุณาต่อคนอื่นทำให้มีผลบวกทางใจทำให้เราสบายใจได้ฉับพลันที่นั่นและเดี๋ยวนั้น

                 3. ชื่นชมความดีงามของชีวิตของธรรมชาติรอบตัว เช่น ให้เวลาเล็กๆ น้อยๆ ชื่นชมกับความงามความหอมของดอกไม้ นกปลา

                 4. แสดงความขอบคุณต่อคนที่ทำให้เราประสบความสำเร็จ คนที่สอนเรา หรือเป็นกัลยาณมิตรต่อเรา

                 5. รู้จักให้อภัย เช่น เขียนจดหมายไปให้อภัยศัตรูคู่อาฆาตที่เคยทำให้เราเจ็บปวด เขาว่าทำอย่างนี้ได้ จะทำให้เราหมดเรื่องที่จะมาหลอกหลอนให้หลงครุ่นคิดหมกมุ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปตลอดชีวิต

                 6. ให้เวลาให้ความสำคัญต่อเพื่อน ครอบครัว หรือญาติ ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะความสัมพันธ์ที่ดีกับมนุษย์คนอื่นทำให้เกิดความพึงพอใจต่อเรามากในลำดับต้นๆ อย่างหนึ่ง

                 7. ให้เวลาดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี นอนให้พอ ออกกำลังกายเป็นประจำ หาเรื่องทำให้ยิ้มหัวที่ทำให้อารมณ์ดี เช่น อ่านโจ๊ก ดูหนังตลก เขาพบว่าทำอย่างนี้จะทำให้เราเกิดความพึงพอใจในชีวิตความเป็นอยู่ได้ดีขึ้นอีกอย่าง

                 8. หัดคิดหัดมองโลกให้เป็น คนเราต้องมีปัญหาส่วนตัวด้วยกันทุกคนไม่มากก็น้อย หัดคิดในทางบวก มีแผนวิธีการแก้ไขปัญหาส่วนตัวพร้อมใช้อยู่ในหัว หรืออาจจะต้องใช้ธรรมะเข้าข่มบ้างในบางครั้งบางคราว อาจจะใช้คำพูดปลุกใจเช่น “เรื่องนี้อย่างมากก็เสียเงิน” “เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย” ... “อกหักดีกว่ารักไม่เป็น” เป็นต้น

                 ที่ว่ามานี้เป็นเรื่องของความสุขในแง่ของนักจิตวิทยาซึ่งคิดแบบวิทยาศาสตร์ คิดแบบคนตะวันตก คิดแบบปุถุชนคนเดินดินกินแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งพอจะเอามาประยุกต์ใช้กับชีวิตคนเดินดินกินข้าวแกงอย่างเราได้มาก โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยเข้าวัดเข้าวา ไม่เคยฟังธรรม ไม่เคยปฏิบัติธรรมให้รู้ซึ้งถึงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา กับเขาเลย

ยินดีต้อนรับ

ติดต่อประชาสัมพันธ์ข่าวสารสาระทั่วไป
สนใจลงประกาศเว็บในเครื่อข่ายmanman
ไม่มีเหตุผลที่จะปฎิเสธเพราะmanmanไม่ได้เลิศหรูแต่จริงใจสุดๆ
ช่วงนี่อากาศเปลื่ยนแปลงบ่อยๆระวังไม่สบายรักษาสุขภาพด้วยนะครับเพื่อนๆ
ไม่จำเป็นอย่าป่วยไข้เป็นดีที่สุด

รายการบล็อกของฉัน