Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2561

พบลายเส้นลึกลับ Nazca Lines เพิ่มอีกจำนวนมากและยังเก่าแก่กว่า

พบลายเส้นลึกลับ Nazca Lines เพิ่มอีกจำนวนมากและยังเก่าแก่กว่าที่เคยพบหลายร้อยปี
นักโบราณคดีที่ประเทศเปรูเพิ่งจะค้นพบเส้นนาซคาอันลึกลับเพิ่มมากกว่า 50 รูป ซึ่งหลบซ่อนสายตานักสำรวจและนักโบราณคดีมานานหลายสิบปี และบางส่วนของเส้นนาซคาที่ค้นพบใหม่ยังมีอายุมากกว่าบรรดาเส้นนาซคาที่เคยพบหลายร้อยปี ทำให้นักโบราณคดีมีสมมุติฐานใหม่ในการไขปริศนาที่มาที่ไปของลายเส้นลึกลับที่อยู่คู่โลกมายาวนานกว่า 2,000 ปี
เส้นนาซคา (Nazca Lines) เป็นลายเส้นรูปร่างต่างๆมีทั้งรูปทรงเรขาคณิต รูปสัตว์ ต้นไม้ รวมทั้งรูปคนขนาดใหญ่ที่ปรากฏอยู่บนทะเลทรายนาซคา ในบริเวณพื้นที่กว่า 520 ตารางกิโลเมตร ระหว่างเมือง Nazca และเมือง Palpa ประเทศเปรู ลายเส้นเป็นรูปทรงเรขาคณิตมีจำนวนหลายร้อยรูป และอีกกว่า 70 รูปเป็นรูปสัตว์ มีรูปนก ปลา เสือจากัวร์ ลิง คน ต้นไม้และดอกไม้ รูปที่ใหญ่ที่สุดมีความยาวถึง 370 เมตร
เส้นนาซคาถูกสังเกตพบครั้งแรกเมื่อปี 1553 โดยนักสำรวจชาวสเปนแต่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นทางเดิน จนถึงปี 1940 Paul Kosok นักโบราณคดีที่มาศึกษาระบบชลประทานโบราณได้สังเกตเห็นลายเส้นรูปนกขณะบินผ่านบริเวณนี้ จากนั้นจึงมีการศึกษาเส้นนาซคาอย่างจริงจัง
ความลึกลับของเส้นนาซคาคือไม่มีใครรู้ว่าผู้ใดเป็นคนสร้างมันขึ้นมาและมันถูกสร้างด้วยวัตถุประสงค์ใด คนจำนวนไม่น้อยเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นผู้สร้างเส้นนาซคาขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีล้ำยุค แบบเดียวกับที่เชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวเป็นผู้สร้างมหาพิระมิดแห่งกีซา
แต่นักโบราณคดีเชื่อว่าเส้นนาซคาถูกสร้างขึ้นโดยชาวนาซคาซึ่งอาศัยในบริเวณดังกล่าว สร้างขึ้นในราว ปีค.ศ. 200 ถึง 700 เพียงแต่ชาวนาซคาไม่ได้ทิ้งหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรไว้เลยว่าพวกเขาสร้างลวดลายเหล่านี้ไว้เพื่ออะไร นักโบราณคดีบางส่วนเชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพิธีการขอฝน

เส้นนาซคาสร้างขึ้นโดยขุดเอาหินทรายสีแดงบนพื้นผิวทะเลทรายออก เปิดออกจนถึงชั้นหินสีเหลืองอ่อนที่อยู่ข้างล่าง สร้างให้เป็นรูปร่างที่ออกแบบไว้ ลักษณะพิเศษของเส้นนาซคาคือจะเป็นภาพที่เกิดจากเส้นๆเดียวไม่มีขาดตอน เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้แทบไม่มีฝนตกเลย ลายเส้นจึงอยู่คงทนมาอย่างยาวนานกว่า 2,000 ปี
สิ่งมหัศจรรย์ที่สุดของสัญลักษณ์โบราณเหล่านี้คือมันไม่สามารถมองเห็นเป็นภาพจากการมองที่ระดับพื้นดินได้ ต้องมองจากที่สูงบนอากาศ (เช่นอยู่บนเครื่องบิน) เท่านั้นจึงจะเห็นว่าเป็นรูปอะไร ดังนั้นก่อนที่จะมีการประดิษฐ์เครื่องบินจึงไม่มีผู้ใดรู้ว่ามีสิ่งน่าอัศจรรย์ซ่อนอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้
ทีมนักโบราณคดีชาวเปรูได้ใช้โดรนพร้อมกล้องถ่ายภาพสำรวจจนพบเส้นนาซคาใหม่ที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อนจำนวนมากกว่า 50 รูป บางส่วนเป็นเส้นนาซคาจากยุคของชาวนาซคา แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นเส้นนาซคาที่มีอายุเก่าแก่กว่าหลายร้อยปี เป็นช่วง 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช ถึงปีค.ศ. 200 ซึ่งเป็นยุคของชาว Paracas และ ชาว Topará รูปที่ค้นพบใหม่และเก่าแก่กว่านั้นส่วนใหญ่เป็นรูปคน
การค้นพบใหม่นี้ถือเป็นการเปิดประตูสู่การตั้งสมมุติฐานใหม่เกี่ยวกับความหมายและวัตถุประสงค์ที่เส้นนาซคาเหล่านี้ถูกสร้างขึ้น ที่อาจสามารถพบกับคำตอบที่แท้จริงได้ในอนาคต
คลิกชมภาพเส้นนาซคาที่เพิ่งถูกค้นพบได้ในวิดีโอด้านล่าง


วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2561

หน้าตาน่ากลัวแต่ตัวน่ากิน เพรียงหินอาหารจากแห่งท้องทะเล

หน้าตาน่ากลัวแต่ตัวน่ากิน ‘เพรียงหิน’ อาหารจากแห่งท้องทะเล เมนูโปรดของชาวเปรู
ก้อนหินหน้าตาประหลาดชนิดนี้คือก้อนหินที่ชาวเปรูและชิลีชื่นชอบเป็นอย่างมาก
ที่จริงแล้วมันคือ Pyura chilensis สัตว์ในตระกูลเพรียง จึงทำให้มันมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “เพรียงหิน”

ถ้าดูเผินๆ อาจจะเห็นว่าหน้าตาของมันนั้นน่าเกลียดเป็นอย่างมาก แต่สำหรับชาวเปรูและชาวชิลีนั้น พวกมันถือว่าเป็นอาหารเลิศรสเลยทีเดียว เมื่อทำการกะเทาะเอาเปลือกแข็งๆ ของพวกมันออกก็จะพบกับเนื้อสีแดงสดจนดูน่าสยดสยอง ซึ่งเจ้าเนื้อตรงส่วนนี้ชาวเปรูและชาวชิลีสามารถกินมันได้ทั้งแบบสดๆ หรือเอาไปปรุงเป็นอาหารได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นต้มกับเครื่องเทศทำเป็นซุปหรือทอดแล้ววางบนขนมปังเป็นแซนวิชก็ได้

รสชาติของพวกมันนั้นเข้มข้น เจือด้วยรสขมเล็กน้อย คล้ายๆ กับรสชาติของหอยเม่น อัดแน่นไปด้วยไอโอดีน แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ออกมาเตือนคนที่กินบ่อยๆ ว่าอาจจะเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตหากเพรียงหินที่พบนั้นหากินในแหล่งที่น้ำไม่สะอาด เพราะมันจะสะสมโลหะหนักไว้ในเนื้อของมัน

Pyura chilensis
เรียบเรียง : Spo

วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ต้นกำเนิด น้ำยาลบคำผิด

ต้นกำเนิด ‘น้ำยาลบคำผิด’ สิ่งจำเป็นยุคพิมพ์ดีดที่ได้ไอเดียมาจากการแก้ไขภาพเขียน
ในปี 1956 Bette Nesmith Graham เลขานุการประจำธนาคาร ในรัฐเท็กซัส เธอประสบปัญหาในการทำงานเอกสารด้วยการพิมพ์ดีดอยู่บ่อยครั้ง เมื่อพิมพ์เอกสารมาทั้งหน้าจนเกือบจะเสร็จ หากพิมพ์ผิดหรือพิมพ์ตกไปสักตัว การที่จะแก้ไขนั้นมีอยู่อย่างเดียวคือการดึงกระดาษออกแล้วพิมพ์ใหม่ทั้งหน้า ซึ่งปัญหานี้มันก็ทำให้เธอรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและลำบากมากๆ

เมื่อเธอได้เห็นการแก้ไขรูปภาพของจิตรกรที่แก้ไขจุดผิดพลาดด้วยการนำสีใกล้เคียงกันมาทาทับ เธอจึงปิ๊งไอเดียนำสีน้ำสีขาวมาใส่ขวดเล็กๆ และใช้พู่กันสำหรับวาดภาพแต้มลงไปในจุดที่พิมพ์ผิด ทำให้การทำงานของเธอไม่ยุ่งยากเหมือนเดิม

Bette ใช้วิธีนี้ในการทำงานที่ธนาคารเป็นเวลากว่า 5 ปี เธอจึงเริ่มรู้สึกว่าเมื่อเพื่อนร่วมงานพิมพ์อะไรผิดพลาดก็มักจะให้เธอช่วยแต้มสีลงบนกระดาษให้ เธอจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับลูกชายที่เป็นครูสอนวิชาเคมี และได้ทำการทดลองผสมสารที่ใช้แทนสีน้ำจนได้น้ำยาลบคำผิดมาและทำออกขายในนาม “Mistake Out” ผลคือมันขายดีพอสมควร

ในปี 1960 เธอจึงขยับขยายจากทำในห้องครัวตั้งเป็นโรงงานขึ้นมาและเปลี่ยนชื่อมาเป็น Liquid Paper ผลที่ได้ก็คือ Liquid Paper กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นในสำนักงานตั้งแต่บัดนั้นมา
เรียบเรียง : S

รายการบล็อกของฉัน