Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ขุมทองที่หายสาบสูญของอดัมส์

ขุมทองที่หายสาบสูญของอดัมส์
(LOST ADAMS DIGGINS)

ในช่วงทศวรรษที่ 1860 ช่วงนั้นในแถบอเมริกายังมีการต่อสู้กันระหว่างคนผิวขาวกับชาวพื้นเมืองคือพวกอินเดียนแดงเผ่าต่าง ๆ ยุคนั้นมีผู้ออกเดินทางล่าสมบัติกันอยู่มากมาย เช่น พวกที่เดินเรือไปยังเกาะต่าง ๆ
เพื่อแสวงโชค หรือพวกที่ออกเดินทางตามหาขุมทรัพย์และเหมืองแร่ 

มีชายคนหนึ่งทราบเพียงชื่อว่า อดัมส์ (Adams) เดิมทีเขาเป็นเพียงนักเดินทางธรรมดา ๆ คนหนึ่งซึ่งออกเดินทางจากนิวยอร์คไปยังเมืองทูซอน อริโซน่า แต่ระหว่างทางถูกพวกอินเดียนแดงเผ่าอาปาเช่โจมตี เกวียนและสัมภาระต่าง ๆ ก็ถูกเผาทิ้งหมด แต่เขาหนีรอดไปได้พร้อมกับม้าอีกจำนวนหนึ่ง เขาจึงเปลี่ยนเส้นทางไปเมืองซาคาตันเพื่อขายม้า ที่เมืองนั้นเขาเจอกับ จอห์น บรูเวอร์ หัวหน้านักขุดทองและคนงานของเขาอีก 12 คน พร้อมทั้งคนนำทางชาวเม็กซิกันพื้นเมือง อดัมส์จึงขอเข้าร่วมในขบวนการขุดทองในฐานะเพื่อน โดยจ่ายค่าเดินทางด้วยม้าของเขา 

พวกเขากำลังจะไปขุดทองกันที่หุบเขาแห่งหนึ่งซึ่งกล่าวกันว่า หุบเขาแห่งนั้นมีหน้าผาที่มีหยดน้ำตาไหลลงมาเป็นทองคำทุกวัน เป็นทองคำที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าเหรียญเงิน ผู้นำทางพาพวกเขาเลาะไปตามแม่น้ำไวท์ไปทางตะวันออกมุ่งหน้าสู่ภูเขาไวท์ และเดินทางไปยังภูเขาสองลูก
ผู้นำทางชี้ให้พวกเขาดูว่าที่ ๆ เขาจะต้องไปอยู่ระหว่างภูเขาสองลูกนั้น แต่เส้นทางที่จะเข้าไปนั้นแคบมากถึงขนาดที่ว่าขี่ม้าผ่านเข้าไปได้แบบเรียงหนึ่งเท่านั้น ชาวพื้นเมืองคนนั้นส่งเพียงถึงทางเข้า รับค่าจ้างและรีบเดินทางกลับไปก่อน พร้อมกับกำชับเหล่านักล่าสมบัติว่าอย่างอยู่ที่นั่นนานนักเพราะพื้นที่แถบนั้นยังคงเป็นดินแดนของชนเผ่าอาปาเช่ ซึ่งก็หมายถึงเป็นพื้นที่ ๆ อันตรายมาก 
เมื่อเดินทางไปถึงจุดหมายปรากฏว่าที่นั่นมีทองเต็มไปหมดจริง ๆ เรียกได้ว่าเป็นขุมสมบัติโดยแท้ ทุกคนต่างก็ดีใจพากันขุดทองร่อนทองกันเป็นการใหญ่ จนเวลาผ่านไปหลายวันก็ไม่มีท่าทีว่าพวกชนเผ่าอินเดียนแดงจะเดินทางเข้ามายังที่นั่นเลย และไม่มีเหตุร้ายใด ๆ เกิดขึ้น

คณะล่าสมบัติก็เพลิดเพลินกับการขุดทอง มารู้ตัวอีกทีก็พบว่าเสบียงอาหารที่เตรียมมาด้วยใกล้จะหมดแล้ว ครั้นจะกลับก็ยังโลภอยู่ และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา จึงแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่ม ให้กลุ่มของจอห์น นำคนงานอีก 5 คน ไปหาเสบียงอาหารมาเพิ่ม ส่วนกลุ่มของอดัมส์จะยังคงทำการขุดหาทองต่อไป

เก้าวันต่อมากลุ่มที่ออกไปหาเสบียงอาหารก็ยังไม่กลับมาซักที อาหารก็หมดลง อดัมส์เริ่มกังวลถึงเพื่อนว่าอาจจะพบเหตุร้ายกลางทางจนไม่สามารถกลับมาได้จึงพาคนงานอีกหนึ่งคนออกตามหา เมื่อเขาออกจากหุบเขามาได้ไม่ไกลเท่าไหร่ก็พบศพของคน 5 คน นอนตายเกลื่อนอยู่ แต่ไม่พบศพของจอห์น ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่อดัมส์ก็มั่นใจว่าชนเผ่าอาปาเช่ได้เข้าเล่นงานแน่แล้ว จึงรีบกลับไปยังที่พัก 

แต่เมื่อกลับไปถึงกลับพบว่าคนที่เหลือก็ถูกฆ่าตายไปหมดแล้วเช่นกัน ที่พักถูกเผาทำลายยับเยิน เขาเองก็ทำได้เพียงหนีเอาชีวิตรอด ไม่สามารถขนทองหรือสมบัติใด ๆ ออกมาได้เลย
อดัมส์หนีออกมาจากหุบเขา เดินหลงทางเข้าไปในทะเลทรายที่แห้งแล้งและแทบไม่มีโอกาสรอด แต่โชคยังดีในขณะที่เขาใกล้ตายเต็มที หน่วยลาดตระเวนก็ไปพบเข้าและพาเขากลับมา เขารอดชีวิตมาได้อย่างปาฏิหารย์ และไปตั้งรกรากอยู่ในแคลิฟอร์เนียเป็นเวลานาน 
แต่เขาก็ไม่เคยลืมขุมสมบัติอันน่ามหัศจรรย์นั้นได้เลย เขาจำมันได้อย่างแม่นยำทั้งรายละเอียดในการเดินทาง และที่ตั้งของมัน จำวิวทิวทัศน์ต่าง ๆ ขณะที่อยู่ที่นั่นได้ดี จนกระทั่งสงครามระหว่างคนขาวกับชนเผ่าอาปาเช่ยุติลงแล้ว อดัมส์ก็พยายามหาทางกลับไปยังภูเขาแห่งนั้นอีก เพื่อไปตามหาหุบเขามหาสมบัติ แต่เป็นเรื่องที่แปลกมากเพราะหาเท่าไร ก็หาไม่เจอ 

ไม่มีใครรู้จักหรือระบุตำแหน่งของมันได้อีกเลย
ถึงกระนั้นเรื่องราวขุมสมบัติของอดัมส์ก็ทำให้คนจำนวนมากสนใจและพยายามค้นหาเหมืองทองลึกลับนั้นมาตลอดจนถึง
ทุกวันนี้ และมีหลายครั้งหลายหนที่มีข่าวว่าขุมทองนั้นได้ถูกค้นพบแล้ว
แต่ก็ยังไม่มีแหล่งข้อมูลใดระบุได้ว่านั่นคือหุบเขาทองคำที่อดัมส์กล่าวถึงจริง ๆ หรือไม่
เรื่องราวของอดัมส์กับขุมทองของเขาถูกเล่าขานกันจนเป็นเหมือนตำนานมหาสมบัติเรื่องหนึ่ง เป็นต้นกำเนิดของภาพยนต์เกี่ยวกับการล่าสมบัติหลายเรื่องรวมถึงเรื่อง ขุมทองแม็คเคนน่า (Mackenna’s Gold) ด้วย

รายการบล็อกของฉัน