💀ทีมนักวิทย์ฯ ค้นพบ กะโหลกมนุษย์อายุ 300,000 ปี เก่าแก่ที่สุดในโลก
เรื่องต้นกำเนิดของมนุษย์เรานั้นยังเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหาข้อสรุปที่แน่ชัดว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรและเกิดขึ้นมาตั้งแต่ตอนไหน แต่ว่าตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ได้มีการค้นพบหลักฐานสำหรับที่มาของมนุษยชาติแล้ว เพราะว่าพวกเขาได้ค้นพบหัวกะโหลกของมนุษย์ที่มีอายุกว่า 300,000 ปี ซึ่งอาจเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของโลกไปเลยก็ว่าได้
Jean-Jacques Hublin กับทีมงานของเขาจากสถาบันวิจัย Pax Planck ได้ค้นพบโครงกระดูกอายุกว่า 300,000 ปี และน่าจะเป็นที่มาของมนุษยชาติ โดยฟอสซิลเหล่านี้คาดว่าเป็นโครงกระดูกที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์ที่เคยมีการค้นพบมา ซึ่งที่มาของการค้นพบครั้งนี้เกิดจากเมื่อประมาณเมื่อ 20-30 ปีก่อน คนงานเหมืองแร่ใน Marrakesh ประเทศโมร็อกโก
ได้สะดุดเข้ากับหัวกะโหลกของมนุษย์เข้า
จึงได้เริ่มมีการขุดค้นบริเวณดังกล่าวขึ้น เพราะเชื่อว่าสถานที่แห่งนี้ยังมี
โครงกระดูกอื่นๆ อีกจำนวนมาก
จนในที่สุดได้มาพบเข้ากับซากโครงกระดูกโบราณนี้ โดยในตอนแรกพวกเขาสันนิษฐานกันไว้ว่ากะโหลกมนุษย์ที่ค้นพบนั้นมีอายุกว่า 40,000 ปี แต่เมื่อนำไปเทียบกับหลักฐานในยุคต่างๆ ที่เคยมี ปรากฏว่ามันไม่ตรงกับยุคไหนเลย มันจึงน่าจะมีความเก่าแก่มากกว่านั้น
นอกจากกะโหลกที่ว่าแล้ว พวกเขายังพบโครงกระดูกอื่นๆ อีกในบริเวณนี้ โดยคาดว่าน่าจะเป็นโครงกระดูกของมนุษย์ 5 คน อีกทั้งยังพบมีดที่ทำมาจากหินอยู่ข้างๆ โครงกระดูก และเมื่อนำสิ่งต่างๆ ไปตรวจสอบรังสีแล้วก็พบว่า โครงกระดูกเหล่านี้ที่พบน่าจะมีอายุประมาณ 300,000-350,000 ปีก่อนเลยทีเดียว
ตอนนแรก Jean-Jacques Hublin คิดว่าลักษณะของกะโหลกโบราณต้องมีกระดูกคิ้วที่แข็งแรง มีรูปร่างกะโหลกค่อนข้างใหญ่ และมีใบหน้าที่แบนเรียบ แต่เมื่อมีการค้นพบนี้ขึ้น จึงทำให้ทราบว่ากะโหลกของมนุษย์เมื่อ 300,000 ปีก่อน มีความใกล้เคียงกับมนุษย์ในยุคปัจจุบันมากๆ
โดยยังมีความเชื่ออีกว่าประเทศโมร็อกโก ยังมีซากดึกดำบรรพ์ที่อาจเป็นกุญแจในการไขจุดกำเนิดของมนุษย์ รอคอยการค้นพบอีกจำนวนมาก ซึ่งในเรื่องนี้จะค้นพบเพิ่มเติมอีกหรือไม่นั้น ก็คงต้องติดตามกันต่อไป
ที่มา : www.unilad.co.uk