Custom Search

บทความที่ได้รับความนิยม

Translate

วันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

เหตุใดรัชกาลที่๑ ไม่ให้พระเจ้าตากฯ เข้าเฝ้าเป็นครั้งสุดท้าย

ภาพวาดพระเจ้าตาก
"เหตุใดรัชกาลที่๑ ไม่ให้พระเจ้าตากฯ เข้าเฝ้าเป็นครั้งสุดท้าย" ในวรรณกรรมพระราชประวัติพระเจ้าตากสินโดย ปฐมพงษ์ สุขเล็กพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช หรือรัชกาลที่ ๑
แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เดิมคือเจ้าพระยาจักรีแม่ทัพคนสำคัญในสมัยกรุงธนบุรี เป็นขุนศึกที่ไว้พระทัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชถวายงานสร้างความชอบจนได้
รับการเลื่อนยศเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกอันสูงกว่าขุนนางทั้งปวง พระราชทานเครื่องยศเหมือนอย่างเจ้าต่างกรมในช่วงปลายสมัยกรุงธนบุรี 
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเกิดพระสติวิปลาสสร้างเกิดความเดือดร้อนต่ออาณาประชาราษฎร์ ในเวลานั้นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเป็นผู้สำเร็จราชการ และชำระโทษสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงยอมรับผิดทุกประการ จึงลงโทษด้วยการประหารชีวิต และปราบดาภิเษกพระองค์เองเป็นพระมหากษัตริย์ต่อไป
พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับหมอบรัดเล และพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขากล่าวไว้ตรงกันว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ขอผู้คุมพาไปพบสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเป็นครั้งสุดท้าย แต่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกลับโบกมือไม่ให้พบ ดังปรากฏในพระราชพงศาวดาร ดังนี้เพชฌฆาตกับผู้คุมก็ลากเอาตัวขึ้นแคร่หามไป กับทั้งสังขลิกพันธนาการ เจ้าตากจึงว่าแก่ผู้คุมเพชฌฆาตว่า ตัวเราก็สิ้นบุญจะถึงที่ตายอยู่แล้ว ช่วยพาเราแวะเข้าไปหาท่านผู้สำเร็จราชการ จะขอเจรจาด้วยสักสองสามคำ ผู้คุมก็ให้หามเข้ามา ได้ทอดพระเนตรเห็น จึงโบกพระหัตถ์มิให้นำมาเฝ้า 
ผู้คุมและเพชฌฆาตก็หามออกไปนอกพระราชวัง ถึงหน้าป้อมวิชัยประสิทธิ์ก็ประหารชีวิตตัดศีรษะเสียถึงแก่พิราลัย จึงรับสั่งให้เอาศพไปฝังไว้ ณ วัดบางยี่เรือใต้ และเจ้าตากสิ้นขณะเมื่อสิ้นบุญถึงทำลายชีพนั้นอายุได้สี่สิบแปดปี(พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา, น. ๒๓๐.

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ขุดพบรองเท้าเก่าที่สุดในโลก อายุกว่าห้าพันปี

ร้องเท้าเก่าแก่อายุห้าพันห้าร้อยปี
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า
นักโบราณคดีได้ขุดค้นพบรองเท้าอายุ 5,500 ปี กลางถ้ำแห่งหนึ่งในอาร์มาเนีย ชายแดนติดกับประเทศอิหร่าน ซึ่งนักโบราณคดีเชื่อว่าน่าจะเป็นรองเท้าที่เก่าที่สุดในโลก โดยเก่ากว่าพีระมิดถึงพันปี และเก่ากว่าสโตนเฮนจ์ สิ่งก่อสร้างโบราณกว่า 400 ปีเลยทีเดียว
          
โดยรองเท้าที่ขุดพบนี้เป็นรองเท้าข้างขวา ทำด้วยหนังแท้ ขนาดประมาณเท้าผู้หญิงเบอร์ 4 แต่นักโบราณคดีเชื่อว่าน่าจะเป็นรองเท้าผู้ชายในสมัยนั้น ซึ่งสิ่งที่ทำให้รองเท้าข้างนี้ยังคงไม่ย่อยสลาย คือสภาพอากาศภายในถ้ำที่ค่อนข้างแห้งนั่นเอง
          
ดอกเตอร์รอน พินฮาซี นักโบราณคดีแห่งมหาวิทยาลัยคอร์ค ได้กล่าวว่า มันเป็นการค้นพบที่บังเอิญมาก ๆ เพราะกลุ่มนักสำรวจคิดว่าจะเจอเพียงซากข้าวของเครื่องใช้อายุไม่กี่ร้อยปี แต่ที่ไหนได้ กลับเจอรองเท้าอายุมากถึง 5,500 ปีข้างนี้ ซึ่งนับเป็นรองเท้าที่เก่าที่สุดเท่าที่เคยขุดพบมาเลยทีเดียว
คลิปประกอบบทความ    
นอกจากนี้ นักโบราณคดียังพบว่า บริเวณรอบ ๆ ก็ยังมีเครื่องปั้นดินเผา กะโหลกศีรษะ และของใช้โบราณถูกฝังรวมอยู่ด้วย โดยตั้งข้อสันนิษฐานว่า ณ ถ้ำแห่งนี้เมื่อ 5-6 พันปีก่อน เคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์มาก่อน ซึ่งได้สร้างอารยธรรมและใช้สถานที่ดังกล่าวประกอบพิธีกรรมก็เป็นได้

ไครสต์เชิร์ชตะลึงพบเอกสารโบราณในซากโบสถ์

ไครสต์เชิร์ชตะลึงพบเอกสารโบราณในใต้
ซากโบสถ์
ไครสต์เชิร์ช-กู้ภัยพบเอกสารโบราณใต้ฐาน
รูปปั้นผู้ก่อตั้งเมืองขณะขุดค้นซากมหาวิหาร
ไครสต์เชิร์ช เชื่อเป็นปาฏิหาริย์ที่บังเกิดขึ้นกับเมืองหลังแผ่นดินไหว
นายบ๊อบ พาร์คเกอร์ นายกเทศมนตรีเมืองไครสต์เชิร์ช ประเทศนิวซีแลนด์ แถลงเมื่อวันอังคาร (1 มี.ค.) ว่าหน่วยกู้ภัยที่ขุดค้นซากปรักหักพังมหาวิหาร
ในเมืองหลังแผ่นดินไหว ได้พบสิ่งของโบราณปริศนาสองชิ้น เป็นขวดแก้วบรรจุแผ่นหนังเขียนด้วยลายมือ กับกระบอกทองแดงที่ปิดสนิท ซ่อนอยู่ในฐานของรูปปั้นอายุเก่าแก่สมัยศตวรรษที่ 19 ของจอห์น โรเบิร์ต ก็อดเลย์ ชาวไอริช ผู้ก่อตั้งเมืองไครสต์เชิร์ชที่โค่นล้มเพราะแรงสั่นสะเทือนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 155 คน สูญหายอีกกว่า 80 คน

เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ได้ตรวจสอบและเก็บรักษาวัตถุโบราณที่เชื่อว่ามีอายุกว่า 100 ปีไว้แล้ว และจากการตรวจดูเบื้องต้นได้เห็นคำว่า "สร้างขึ้น" และ "โดย" บนแผ่นหนังในขวดแก้ว แต่จะยังไม่มีการคลี่ออกดู จนกว่าจะตรวจสอบอย่างละเอียดโดยผู้เชี่ยวชาญภายในพิพิธภัณฑ์ที่มีการควบคุมความชื้นเพื่อป้องกันเอกสารได้รับความเสียหาย ส่วนภายในกระบอกทองแดงยังไม่ทราบว่าภายในบรรจุอะไรไว้
คลิปประกอบบทความ  
นายพาร์คเกอร์ กล่าวว่า ตอนนี้เรากำลังมองหาความหวัง และอาจเป็นปาฏิหาริย์ที่ได้พบของเหล่านี้อยู่ใต้ฐานรูปปั้นของผู้ก่อตั้งเมือง ตนหวังว่าเอกสารจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ ความคิดเห็น ตลอดจนความหวังและแรงบันดาลใจของผู้ก่อตั้งเมืองในยุคนั้น พร้อมสัญญาว่าจะซ่อมแซมรูปปั้นผู้ก่อตั้งเมือง และตั้งไว้ในจุดเดิม  
    
ด้านนายแอนโธนี ไรทส์ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แคนทะบิวรี กล่าวถึงการค้นพบสิ่งไม่คาดฝันครั้งนี้ว่า เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์อย่างมาก ยากจะบรรยายความรู้สึก เพราะเป็นการค้นพบหลังแผ่นดินไหวหนึ่งสัปดาห์พอดี

วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

เทรนด์แฟชั่นสยอง สักลูกตา (Eyeball Tattoos)

สักลูกตาแม้จะเสี่ยงทำให้ตาบอดก็ยอมเพื่อ
ความสวยงาม สักลูกตา ตาแดงเหมือนตาผี

เทรนด์แฟชั่นสยอง สักลูกตา (Eyeball Tattoos) 
เทรนด์แฟชั่นสยอง สักลูกตา Eyeball Tattoos

เทรนด์แฟชั่นสยอง สักลูกตา Eyeball Tattoos

หลายคนยังไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วการสักลูกตามีขึ้นตั้งแต่ 2,000 ปีก่อน แฟชั่นนี้ได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 – 20 ก่อนที่ปัจจุบันคนจะหันมาใส่คอนแทคเลนส์ แต่ก็ยังมีคนบางพวกที่ยังคงใช้วิธีสักลูกตาอยู่ ถึงแม้มีความเสี่ยงสูงมากที่คนสักลูกตาอาจตาบอดก็ตามแฟชั่นสักลูกตาสุดสยอง
ที่มองยังไงก็แปลก

สักลูกตาระวังเถอะตาจะบอดเอานะโดยเทรนด์แฟชั่นนี้เรียกว่า การสักลูกตา (Eyeball Tattoos) ซึ่งเป็นการสักบริเวณลูกตาให้มีสีสันต่างๆ นั่นเอง โดยกลายเป็นแฟชั่นยอดฮิตในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบของแปลกทั้งหลาย

ซึ่งการสักบริเวณลูกตานั้นเป็นจะเจ็บปวดกว่าการสักธรรมดาทั่วไปหลายเท่า เนื่องจากลูกตาเป็นบริเวณที่อ่อนโยน และบอบบางเป็นอย่างมาก ทั้งยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และอันตรายต่างๆ อีกด้วย ที่สำคัญสักแล้วลบไม่ได้อีกด้วย ซึ่งจะสยอง และแปลกขนาดไหนนั้น ไปดูกันเลย
เทรนด์แฟชั่นสยอง สักลูกตา Eyeball Tattoos
เทรนด์แฟชั่นสยอง สักลูกตา Eyeball Tattoos
เทรนด์แฟชั่นสยอง สักลูกตา Eyeball Tattoos
เหมือนผีจริงๆทำไปได้ตาอาจจะบอดได้นะความเสี่ยงสูง

คลิปวิดีโอประกอบ

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2558

สูตรลับจานเด็ดทำอาหารจากปลาร้าสูตรยายสังเวียนอายุ96ปี


ทำอาหารจากปลาร้า 
(สูตรยายสังเวียนอายุ96ปี)
จานแรกเป็นข้าวผัดปลาร้าสับ
เนื่องจากทานน้ำพริกปลาร้าสับที่ผัดกับหมูสับและมีปลาทูทอด พร้อมผักบุ้ง กระเจี๊ยบต้ม
แล้วทานไม่หมดพอตอนเช้าเห็นมีข้าวสวยเหลืออยู่เลยเอาทุกอย่างมาทำเป็นข้าวผัดเหมาะกับยุคนี้เลยไหมต้องประหยัด


สูตรขัาวผัดปลาร้าสับ 
(สูตรยายสังเวียน..อายุ96ปี)
เครื่องปรุง ปลาร้า (ปลากระดี่) ครึ่งถ้วยตวงหัวกระทิ 2 ถ้วยตวงหมูสับ 200 กรัมหัวหอมแดง 10 หัว
-กระชายหั่นท่อนๆเล็กๆ 3 ช้อนโต๊ะข่าซอยแว่นบางๆ 2 ช้อนโต๊ะ
-ตะไคร้ซอยบางๆ 2ช้อนโต๊ะใบมะกูดฉีก 2 ช้อนโต๊ะ
-พริกชี้ฟ้าเขียว+แดงหั่นท่อนๆ 3ช้อนโต๊ะน้ำปลา 1ช้อนโต๊ะ
-ผักที่ใส่ มะเขือเปราะผ่า4 ชิ้น 5 ลูกหน่อไม้ต้มหั่น 1 ถ้วยตวง
แครอทหั่นเต๋า 2ช้อนโต๊ะถั่วฝักยาว หั่น 1ถ้วยตวง


วิธีทำ 
-นำปลาร้าต้มโดยใส่น้ำเปล่า 1 ถ้วย ต้มจนเดือด กรองเอาแต่น้ำ 
-นำกะทิตั้งไฟพอเริ่มร้อนใส่หมูสับเมื่อเดือด-ใส่น้ำปลาร้าที่ต้มไว้ +ข่า+ตะไคร้ +หัวหอมแดง+กระชายซอย +ใบมะกูด +พริกชี้ฟ้าสด 
ต้มต่อจนเดือดใส่มะเขือเปราะ + แครอท +หน่อไม้ +ถั่วฝักยาว
-นำปลาร้าทรงเครื่อง ให้มีน้ำคลุกคลิกเล็กน้อย ใส่ถ้วยไว้ 
-ตักข้าวสวย 1 จาน ใส่น้ำมันในกระทะลงผัด ใส่ปลาร้าทรงเครื่องลงไปผัดกับข้าว รสชาติหอม ชิมดูว่าเค็มหรือไม่ หากเค็มให้เติมข้าวลงไปอีกเล็กน้อย และตักใส่จาน 
-ทอดไข่เจียว เพื่อรับประทานกับข้าวผัดปลาร้าทรงเครื่อง เพื่อลดความเค็มในการรับประทาน 
นำปลาร้าปลากระดี่ มาล้างน้ำเพื่อลดความเค็มลนำมาทอดให้เหลืองหอมน่ารับประทาน เป็นการแกล้มข้าวผัดปลาร้าสับผัด 
สูตรปลาร้าสับผัดจะใช้ปลาร้าปลาสร้อยเพราะก้างไม่แข็ง สับง่าย ถ้าปลากระดี่ก้างจะแข็งโดยเฉพาะก้างกลางและก้างตรงท้องจะใหญ่และแข็งมาก

วัตถุดิบที่ใส่ประกอบด้วยปลาร้า 1 กิโลกรัม 
หัวหอมแดง 1 กิโลกรัม  
ตะไคร้ 20 ต้น ใบมะกรูด 40 ใบ 
กระชาย 8 ขีด มะขามเปียก 2 ปั้น 
พริกอ่อน 15 เม็ด พริกขี้หนู 20 - 30 เม็ด
และหมูสับ 8 ขีด 
(ถ้าทำกินน้อยๆก็ลดปริมาณของวัตถุดิบลงตามสัดส่วนตามใจชอบ)
การทำปลาร้าสับต้องถึงเครื่องถึงจะอร่อย


ขั้นตอนเริ่มจากนำวัตถุดิบทั้งหมดมาล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นก็เริ่มซอยทั้งหัวหอมแดง ตะไคร้และใบมะกรูด กระชายหั่นชิ้นเล็กๆ ตามขวาง พริกอ่อนและพริกขี้หนูหั่นตามขวาง มะขามเปียกดึงรกออกแล้วล้างน้ำพักไว้ เนื้อหมูสับให้ละเอียด ทุกอย่างเมื่อหั่นๆ สับๆ ซอยๆ เสร็จก็พักไว้ก่อน จากนั้นนำมาปลาร้ามาคั้นน้ำออกให้หมดเพราะถ้าไม่หมดเวลาสับจะกระเด็น สับยาก น้ำปลาร้าที่คั้นออกใส่ถ้วยพักไว้ก่อน จากนั้นนำปลาร้ามาสับพร้อมกับมะขามเปียกให้ละเอียด เสร็จแล้วนำเครื่องปรุงที่ซอยไว้ได้แก่หัวหอมแดง ตะไคร้ใบมะกรูด และกระชายมาสับรวมกับปลาร้า สับให้เข้ากันพอหยาบๆ ไม่ต้องให้เครื่องละเอียดมาก (ใบมะกรูดไม่ต้องใส่ตอนสับทั้งหมด ให้แบ่งไว้ใส่ตอนผัดสักเล็กน้อย)

ขั้นตอนการผัด
ตั้งกระทะแล้วใส่น้ำมันลงไปพอประมาณ พอน้ำมันร้อนนำปลาร้าที่สับไว้ลงไปผัดพอร้อนๆ ก็ใส่หมูสับตามลงไปผัดให้เข้ากันจนสุกดี ชิมดูรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ดตามใจชอบ ถ้าไม่เค็มก็นำน้ำปลาร้าที่คั้นพักไว้มาใส่ ส่วนรสเปรี้ยวถ้าน้อยไปก็คั้นน้ำมะขามเปียกเพิ่มเข้าไป พอทุกอย่างสุกได้ที่ก็ปิดแก๊สทิ้งไว้สักพักให้ความร้อนเริ่มคลายตัว จากนั้นจึงจัดการใส่ใบมะกรูดที่เหลืออยู่ พริกอ่อนและพริกขี้หนูลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันก็เป็นอันเสร็จขั้นตอน

ปลาร้าสับต้องกินกับผักดิบ ทั้งมะแว้ง แตงกวา แตงไทยอ่อน ยอดกระถิน ใบบัวบก หัวปลี มะเขือกรอบหลากหลายพันธุ์ ฯลฯ ซึ่งนอกจากยอดมะกอกกับผักเม็กแล้ว ผักดิบที่เหมาะกับปลาร้าสับอีกอย่างคือขมิ้นขาว หรือบางบ้านเรียกขมิ้นม่วง ด้วยรสชาติที่เผ็ดนิดๆ กลิ่นหอมฉุนเล็กน้อย เมื่อจิ้มกับปลาร้าสับแล้วเข้ากันดีจริงๆ ถ้าได้กินละก็รับรองจะติดใจในรสชาติ


เมนูน้ำพริกปลาร้า 
(สูตรยายสังเวียน..อายุ96ปี)
วันนี้เข้ามาได้กำลังใจจาก ยายสังเวียน
เลยตัดสินใจโพสสูตรเมนูน้ำพริกปลาร้า ที่แสนจะโอชาไม่ว่าจะเปิบที่ใดในโลกก็อร่อยเหมือนกันหมดมาเริ่มทำกันเลย
ชุดที่หนึ่งตัวน้ำปลาร้า
๑.ปลาร้า
๒.ตะไคร้บุบ ข่าบุบ หัวหอมบุบ ใบมะกรูดฉีก

วิธีทำน้ำปลาร้า นำเอาปล้าร้าใส่หม้อและเอาเครื่องในข้อที่ 2 ทั้งหมดใส่ลงไปเติมน้ำเปล่าให้ท่วมตั้งไฟกลางเคี่ยวไปเรื่อยๆจนรสชาดของปลาร้าออกจากตัว
ปลาร้าก็เป็นอันใช้ได้

ชุดที่สองตัวของน้ำพริก
๑.พริกขี้หนูสดเผา หัวกระเทียมสดเผา หัวหอมแดงเผา พริกชี้ฟ้าเผา
(ถ้าไม่มีเตาถ่านใช้กระทะตั้งไฟแล้วคั่วแทนก็ได้)
๒.ปลาช่อนเผาแกะเอาแต่เนื้อปลา (ถ้าไม่มีปลาช่อนสามารถประยุกต์ใช้ปลาชนิดอื่นแทนก็ได้)

วิธีทำนำเอาเนื้อปลาใส่ครกโขกให้ละเอียดจากนั้นก็นำเครื่องในข้อที่ 1 ที่เผาเรียบร้อยแล้วใส่ลง
ไปโขกรวมกับเนื้อปลา
(โขกหยาบให้ดูสวยงามหรือจะโขกละเอียดก็ไม่ผิดกติกา) ถ้าทำเมนูนี้จำนวนมากสามารถนำใส่
ในภาชนะที่ปิดสนิทแล้วเข้าตู้เย็นเก็บได้หลายวัน
...เวลาจะทานก็ตักเอาน้ำพริกที่โขกเสร็จแล้วใส่ในถ้วยจากนั้นก็ตักเอาน้ำปลาร้าที่ต้มเสร็จแล้วราดลง
ไปให้พอขลุกขลิกแล้วบีบมะนาวลงไปมีผักลวกหรือผักสดเป็นเครื่องเคียงพร้อมด้วยข้าวสวยร้อนๆควันกรุ่นๆรับรองว่าเอาสะเต็กมาแลกก็ไม่ยอม
โดย: menlove

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ความเชื่อโชคร้ายลางร้ายจากต่างประเทศ

ความเชื่อโชคร้ายลางร้าย
จากต่างประเทศ
เลข13 นี้เป็นความเชื่อโชคลางร้ายของคนต่างประเทศหลายๆ
ประเทศเหมือนกันที่มีความเชื่อแบบนี้
เราลองมาดูกันถึงความน่าสนใจอย่างหนึ่งของการเดินทางท่องเที่ยวคือ การได้ไปเปิดโลกทำความรู้จักประเทศหรือวัฒนธรรมอื่นในแง่มุมที่เราไม่เคยคิดถึงมาก่อน สิ่งเหล่านี้บางอย่างก็เห็นได้ง่าย เช่น ภาษา เครื่องแต่งกาย ศาสนา การปกครอง หรือสกุลเงิน ถึงกระนั้น ยังคงมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อีกมากมายที่อาจผ่านไปโดยเราไม่ทันสังเกต ยกตัวอย่างเช่น ประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเลียนเสียงสุนัขเห่าว่า woof woof! แต่ในประเทศไทยกลายเป็น โฮ่งโฮ่ง!

แถมเรื่องปลีกย่อยพวกนี้ก็มักจะเป็นอะไรที่เท่เก๋ไก๋ที่สุดเสียด้วยสิ
แนวคิดเกี่ยวกับโชคลางทั้งดีและร้ายนั้นนับเป็นอีกแง่มุมที่แตกต่างกันไปตามแต่ละวัฒนธรรม ความเชื่อบางอย่างปรากฏอยู่ในหลายวัฒนธรรม เช่น แมวดำ ตัวเลขมงคลหรืออัปมงคล อย่างไรก็ตาม ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นเรื่องเฉพาะวัฒนธรรมหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง

คลิปนี้แสดงถึงความเชื่อในเรื่องชะตาชีวิต
และโชควาสนา ของการดำเนินชีวิตของแต่ละคน
ที่แตกต่างไปตามแต่เวรกรรมและโอกาสของแต่ละคน

ตัวอย่างเช่น สีแดงเป็นสีที่มีนัยสำคัญสำหรับหลายประเทศ คนเกาหลีถือว่าการเขียนชื่อตัวเองด้วยหมึกสีแดงจะนำมาซึ่งโชคร้ายอย่างที่สุด บ้างก็ว่าถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย!

*ในอิสราเอล ถ้าผูกเชือกสีแดงไว้ที่ข้อมือ เชื่อกันว่าจะช่วยขับไล่ความชั่วร้ายไม่ให้มาย่างกราย

*ในไต้หวัน การสวมใส่ชุดชั้นในสีแดงช่วยนำโชคดีเกี่ยวกับการพนัน ส่วนในโปแลนด์ว่ากันว่าจะให้โชคด้านการสอบ ...พูดถึงเรื่องการสอบ ถ้าอยากสอบให้ผ่าน

*คนเกาหลีบางคนถือไม่ให้กินซุปสาหร่ายในวันสอบ

แต่ถ้าเป็นในเวียดนามห้ามกินไข่ เพราะไข่แทน 0 คะแนน ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากได้
หากเกิดหิวขึ้นมาระหว่างเดินทาง อย่าลืมนึกถึงธรรมเนียมท้องถิ่นเกี่ยวกับอาหารการกินด้วย

*ในจีน พ่อแม่จะสอนลูกหลานว่า ถ้าไม่กินข้าวให้เกลี้ยงชาม โตไปจะได้สามีภรรยาหน้าตาไม่งาม

ส่วนคนไทยพูดกันว่า คนที่กินอาหารชิ้นสุดท้ายในจานจะได้แฟนหล่อแฟนสวย

ในโรมาเนีย ผู้หญิงจะได้สามีหน้าตาไม่ดีหากมีอาหารเหลือบนจาน และคนที่นั่งกินอาหารตรงมุมโต๊ะจะอยู่เป็นโสดตลอดไป!

คนอิสราเอลถือกันว่าห้ามส่งมีดให้กับมืออีกฝ่ายโดยตรง ไม่อย่างนั้นมิตรภาพจะถูกตัดขาดสะบั้น แต่ให้วางมีดลงบนโต๊ะแล้วให้อีกฝ่ายหยิบขึ้นมาเอง

นอกจากนี้ ถ้าอยู่ในเวียดนามตรงกับวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติ ให้หลีกเลี่ยงอาหารจานเป็ด หมึก หรือเนื้อสุนัข ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ!หรือถ้ากำลังวางแผนไปแต่งงานที่ต่างประเทศ ก็มีความเชื่อว่าด้วยโชคดีโชคร้ายให้ลองพิจารณาด้วยเช่นกัน

ในวัฒนธรรมตะวันตก เชื่อว่าหากเจ้าสาวพกของสี่ชิ้นไว้กับตัว ได้แก่ ของเก่า ของใหม่ ของที่หยิบยืมมา และของสีฟ้า รับรองว่าจะนำพาโชคดีมาให้ นอกจากนี้ เจ้าบ่าวจะประสบเคราะห์ร้ายอย่างยิ่งหากแอบไปเห็นเจ้าสาวก่อนเข้าพิธีแต่งงาน บางประเทศในยุโรป เช่น สเปนและบัลแกเรีย อย่าปัดกวาดเช็ดถูหรือทำความสะอาดบริเวณรอบๆ เท้าถ้าไม่อยากไร้คู่ชีวิต!

ตัวเลขก็มีบทบาทสำคัญไม่น้อยว่าด้วยเรื่องความเชื่อโชคลาง โดยเฉพาะในเอเชีย เป็นที่ทราบกันดีว่าชาวจีนมักหลีกเลี่ยงเลข 4 เท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งในเลขที่ถนน ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ เนื่องจากเลข 4 ในภาษาจีนออกเสียงคล้ายคำที่มีความหมายว่า “ตาย”

ในทางตรงกันข้าม เลข 8 จัดเป็นเลขมงคลเพราะออกเสียงคล้ายคำว่า “ร่ำรวย” ถ้าเบอร์โทรศัพท์ของคุณคือ 888-8888 คงโชคดีสุดๆ ไปเลย!

ในเวียดนาม ควรหลีกเลี่ยงการถ่ายภาพที่มีคนอยู่สามคน เพราะคนตรงกลางอาจจะถึงฆาตได้ อีกทั้งหลายวัฒนธรรมทางฝั่งโลกตะวันตกก็แนะนำให้เลี่ยงหมายเลข 13 ซึ่งแน่นอนว่าวันแห่งความโชคร้ายสุดขีดก็หนีไม่พ้นวันศุกร์ที่ 13 นี่เอง
ปิดท้ายกันด้วยลิสต์ความเชื่อเรื่องโชคลางจากนานาประเทศ
- เกาหลีมีความเชื่อเกี่ยวกับการนอนหลับอยู่มากมาย ถ้าฝันเห็นสุนัขแปลว่าจะพบโชคร้าย แต่ถ้าฝันเห็นหมูหมายความว่าจะโชคดีไปทั้งวัน และเมื่อเข้านอน อย่าวางหมอนเปล่าไว้บนเตียง ไม่อย่างนั้นอาจมีภูติผีวิญญาณมานอนเป็นเพื่อน!
- คนจีนถือไม่ให้สระผมช่วง 2-3 วันแรกของปี เพราะเชื่อว่าจะชะล้างโชคลาภออกจากตัว
- ในเวียดนามและไทย อย่าชมทารกว่าน่ารัก สวย หรือหล่อ เพราะเชื่อว่าจะทำให้ออกมาตรงข้ามกับที่พูด
- ในสเปน ว่ากันว่าโชคร้ายจะมาเยือนหากกางร่มในอาคารหรือทำเกลือหกบนโต๊ะ แต่จะมีโชคถ้าเอาตั๋วลอตเตอรีไปถูกับท้องของหญิงมีครรภ์ ที่สำคัญต้องแน่ใจก่อนนะว่ารู้จักกัน ไม่ใช่ไปถูสุ่มสี่สุ่มห้า!
- วัฒนธรรมตะวันตกเชื่อว่าจะประสบเคราะห์หากเดินลอดใต้บันได ทำกระจกแตก แมวดำเดินตัดหน้า หรือพูดถึงเรื่องร้ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
- คนฝรั่งเศสไม่นิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ในวันศุกร์ ทั้งยังถือห้ามไม่ให้ดอกคาร์เนชันหรือเบญจมาศเป็นของขวัญ และอย่าวางหมวกบนเตียง เพราะเชื่อว่าจะนำมาซึ่งโชคร้าย
- ในรัสเซีย หากลืมของไว้ที่บ้านแล้วย้อนกลับไปเอา อย่าลืมส่องกระจกด้วยเพื่อหลีกเลี่ยงโชคร้าย แล้วก็ไม่ควรจูบหรือทักทายกันที่ประตู ไม่เอาขยะออกไปทิ้งหลังตะวันตกดิน และห้ามใช้มีดส่งอาหารเข้าปาก
- ตามความเชื่อแบบอาหรับ ถ้ารู้สึกคันที่ม


ขอบคุณข้อมูลจาก internetและmenlove
ขอบคุณภาพประกอบจาก internet

รายการบล็อกของฉัน

  • The Dark Hedges ความงามที่มีอยู่จริง - The Dark Hedges ความงามที่มีอยู่จริง สู่ความงดงามในภาพยนตร์ *https://s.shopee.co.th/4L1GeKQXR2* ต้นไชยา คะน้าแม็กซิกัน แม็กซิโก ปลอดสาร ผัก กิ่งชำ เมล็ดพ...
    2 เดือนที่ผ่านมา
  • สยบอาการ ปวดฟัน ด้วย 7สมุนไพร - *สยบอาการ ปวดฟัน ด้วย 7สมุนไพร* แก้ปวดฟันด้วยวิธีธรรมชาติ อะไรทำให้ปวดฟัน..อาการปวดฟัน (toothache) ส่วนใหญ่มีผลมาจากฟันผุ ซึ่งในระยะเริ่มแรกจะมีลักษณะเสีย...
    2 เดือนที่ผ่านมา
  • หมูนรกเอนเทโลดอนต์ - หมูนรกเอนเทโลดอนต์ ด้วยน้ำหนัก 2,000 ปอนด์และมีเขี้ยวขนาดเท่าแขน ทำให้เอนเทโลดอนต์ได้รับสถานะเป็น "หมูนรก" ของอเมริกาเหนือยุคก่อนประวัติศาสตร์ สัตว์ร้า...
    2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
  • มาดูกันว่าสิ่งมีชีวิตจะโผล่ขึ้นมาจากคอห่านส้วมได้อย่างไร - มาดูกันว่าสิ่งมีชีวิตจะโผล่ขึ้นมาจากคอห่านส้วมได้อย่างไร ค้นหา ʕ•ᴥ•ʔ ถ้าอ่านแล้วชอบใจ แชร์ต่อด้วยนะจ๊ะ ♡ เมื่อวันก่อนหลายท่านคงได้ยินข่าวงูเหลือมตัวเท่า...
    3 ปีที่ผ่านมา