ฝีมือใคร? ฝีมือใคร? ‘Gornaya Shoria’ กำแพงหินยักษ์โบราณแห่งไซบีเรีย หรือนี่จะเป็นอีกหนึ่งผลงานการสร้างของ ‘มนุษย์ต่างดาว’อีกหนึ่งเรื่องราวปริศนาของกำแพงหินขนาดใหญ่สุดลึกลับ ที่เชื่อกันว่าเป็นผลงานการสร้างของมนุษย์ในยุคโบราณ แต่ก็มีคนอีกจำนวนมากที่ไม่ได้เชื่อเช่นนั้น เพราะด้วยความใหญ่โตมโหฬารของกำแพงหินดังกล่าว คงไม่น่าจะใช่ผลงานการสร้างของมนุษย์ แต่น่าจะเป็นฝีมือของผู้ที่มาจาก ‘นอกโลก’ เสียมากกว่า!
‘Gornaya Shoria’ คือชื่อของกำแพงหินสุดลึกลับที่ว่า ตั้งอยู่บริเวณหุบเขา Shoria (Mount Shoria) ทางตอนใต้ของไซบีเรีย ถูกค้นพบเมื่อปี ค.ศ. 2013 โดย Georgy Sidorov นักสำรวจชาวรัสเซีย กำแพงหินดังกล่าวประกอบไปด้วยหินซึ่งมีน้ำหนักหลายพันตัน ซ้อนทับกันอย่างประณีตราวกับจับวาง ซึ่งหินบางก้อนมีน้ำหนักมากถึง 4,000 ตันเลยทีเดียว และที่น่าประหลาดใจมากกว่านั้นคือ หินเหล่านี้ทับซ้อนกันสูงกว่า 40 เมตร โดยนักโบราณคดีสันนิษฐานว่ากำแพงหินดังกล่าวถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 3,000 ปีที่แล้ว และไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพราะในบริเวณนั้นไม่มีร่องรอยของการเกิดกระบวนการทางธรณีวิทยาในลักษณะที่ใกล้เคียงกับกำแพงหินนี้ที่ว่านี้มาก่อนเลย และหินเหล่านี้มีพื้นผิวที่เรียบเนียน มีเหลี่ยมมุมที่ลงตัวจนน่าสงสัย ซึ่งรูปทรงดังกล่าวคล้ายกับวิธีการก่ออิฐของมนุษย์ในยุคโบราณ หากแต่นักโบราณคดีมิอาจทราบได้ว่า ใครกันคือผู้สร้างกำแพงหินเหล่านี้ สร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ใดและใช้วิธีการใดในการเคลื่อนย้ายหินที่มีน้ำหนักมากมายมหาศาล ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้คนในยุคสมัยนั้นจะมีเครื่องทุ่นแรงใดๆ มาช่วยในการเคลื่อนย้ายหินขนาดมหึมาเหล่านี้ได้
นอกจากความมหัศจรรย์ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว นักธรณีวิทยาที่เดินทางไปสำรวจกำแพงหินลึกลับแห่งนี้พบว่า เมื่อใดก็ตามที่เข้าใกล้กำแพงหิน เข็มทิศที่พวกเขานำติดตัวไปด้วยเกิดทำงานผิดปกติ กล่าวคือเข็มทิศจะไม่สามารถชี้ไปยังทิศที่ตั้งของกำแพงหินได้ แต่มันดันหันเหออกไปยังทิศอื่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ หรือนี่จะเป็นอีกหนึ่งผลงานการสร้างของผู้มีอารยธรรมและภูมิปัญญาอันสูงส่งที่เหนือกว่ามนุษย์ เรื่องราวทั้งหมดยังคงเป็นปริศนาที่คงต้องรอการพิสูจน์ต่อไป
อีกหนึ่งเรื่องราวปริศนาของกำแพงหินขนาดใหญ่สุดลึกลับ ที่เชื่อกันว่าเป็นผลงานการสร้างของมนุษย์ในยุคโบราณ แต่ก็มีคนอีกจำนวนมากที่ไม่ได้เชื่อเช่นนั้น เพราะด้วยความใหญ่โตมโหฬารของกำแพงหินดังกล่าว คงไม่น่าจะใช่ผลงานการสร้างของมนุษย์ แต่น่าจะเป็นฝีมือของผู้ที่มาจาก ‘นอกโลก’ เสียมากกว่า!
และไม่ได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เพราะในบริเวณนั้นไม่มีร่องรอยของการเกิดกระบวนการทางธรณีวิทยาในลักษณะที่ใกล้เคียงกับกำแพงหินนี้ที่ว่านี้มาก่อนเลย และหินเหล่านี้มีพื้นผิวที่เรียบเนียน มีเหลี่ยมมุมที่ลงตัวจนน่าสงสัย ซึ่งรูปทรงดังกล่าวคล้ายกับวิธีการก่ออิฐของมนุษย์ในยุคโบราณ หากแต่นักโบราณคดีมิอาจทราบได้ว่า ใครกันคือผู้สร้างกำแพงหินเหล่านี้ สร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ใดและใช้วิธีการใดในการเคลื่อนย้ายหินที่มีน้ำหนักมากมายมหาศาล ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้คนในยุคสมัยนั้นจะมีเครื่องทุ่นแรงใดๆ มาช่วยในการเคลื่อนย้ายหินขนาดมหึมาเหล่านี้ได้
นอกจากความมหัศจรรย์ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้ว นักธรณีวิทยาที่เดินทางไปสำรวจกำแพงหินลึกลับแห่งนี้พบว่า เมื่อใดก็ตามที่เข้าใกล้กำแพงหิน เข็มทิศที่พวกเขานำติดตัวไปด้วยเกิดทำงานผิดปกติ กล่าวคือเข็มทิศจะไม่สามารถชี้ไปยังทิศที่ตั้งของกำแพงหินได้ แต่มันดันหันเหออกไปยังทิศอื่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ หรือนี่จะเป็นอีกหนึ่งผลงานการสร้างของผู้มีอารยธรรมและภูมิปัญญาอันสูงส่งที่เหนือกว่ามนุษย์ เรื่องราวทั้งหมดยังคงเป็นปริศนาที่คงต้องรอการพิสูจน์ต่อไป